เป็นธรรมเนียมของครูบาอาจารย์หรือเป็นเพราะทนการรบเร้าของลูกศิษย์ไม่ได้ ที่หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละสำนักท่านได้ทำสีผึ้งขึ้นมาเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ใช้ ผมเชื่อว่าพระเกจิสมัยก่อนนั้นท่านทำเองหรือไม่งั้นก็ให้ศิษย์ทำในวัด โดยที่ท่านกำกับดูแลเอง ไม่ใช่ทำที่ไหนก็ไม่รู้แล้วมาให้ท่านเป่าท่านเสก การทำสีผึ้งนั้น อาจจะเน้นที่ว่านยา เพราะมีสรรพคุณหลากหลาย แต่นานเข้า อาจจะมีเรื่องเสริมแต่งเพื่อให้ดูขลัง อันที่จริงถึงแม้ไม่มีเรื่องเสริมเติมแต่ง ไม่แบ่งให้ผีมาช่วยทำ ของหลวงปู่ครูอาจารย์ก็ขลังอยู่แล้วครับ ต่อไปนี้ผมจะเขียนตามที่ได้รวบรวมข้อมูลมา เกี่ยวกับกรรมวิธีหุงสีผึ้ง ของแต่ละสำนัก ผมไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริงไหม แต่เป็นเรื่องเล่าต่อกันจนกลายเป็นตำนาน และไม่สามารถค้านได้เพราะเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น
สีผึ้งผยองคำ
สำหรับสีผึ้งพะยองคำ หรือสีผึ้งผสมทองคำ ของท่านครูบาวิชัยยะ สิริวิชชโย (ครูบาวัดไม้ฮุง) จ.แม่ฮ่องสอน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานของสีผึ้งที่หายากมาก ๆ และมีคุณค่ามากที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวได้ว่าเป็นสีผึ้งในตำนาน อันดับหนึ่งของภาคเหนือเลยทีเดียว สำหรับกรรมวิธีในการสร้างสีผึ้งผยองคำนั้น ผมได้เขียนไว้แล้วในบทความ พญาอิ่นเทวดาหลงห้อง เนื้อเงิน ฝังตะกรุดเงิน+สีผึ้งพะยองคำ+ยาปิยะทั้ง 6 ถ้าท่านได้เข้าไปอ่านแล้วจะต้องทึ่งและอัศจรรย์ใจในกรรมวิธีทำที่แปลกประหลาดของการทำสีผึ้งผยองคำครับ
สีผึ้งผีหุง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
ตามข้อมูลที่ทราบมา หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ท่านได้ทำสีผึ้งไว้ 3 ชนิด ได้แก่
ชนิดที่ 1 สีผึ้งจะออกเขียวค่อนไปทางดำ เพราะแก่ว่าน ใช้ดีทางด้านเกี่ยวกับผู้หญิง สีผึ้งนี้หลวงปู่ทิมท่านจะไม่ยอมให้ใครไปง่าย ๆ
ชนิดที่ 2 ที่เรียกกันว่าสีผึ้งผีหุง สีผึ้งชนิดนี้ท่านจะไม่ค่อยทำ เนื่องจากว่าต้องผสมน้ำมันของคนตายวันเสาร์เผาวันอังคาร
ชนิดที่ 3 สีผึ้งจะออกเหลืองเพราะแก่น้ำมัน สีผึ้งนี้จะใช้ทางด้านเมตตา มหานิยม ติดต่อเจรจา ค้าขาย ติดต่อธุรกิจการงานต่าง ๆ
ในสีผึ้งทั้ง 3 ชนิดของหลวงปู่ทิมนี้ ผมจะกล่าวถึงเฉพาะสีผึ้งผีหุง ซึ่งกรรมวิธีในการทำนั้น ผมว่าข้อมูลยังไม่ชัดเจน เราก็รู้แต่ว่าสีผึ้งผีหุง แต่กรรมวิธีที่ท่านทำนั้นเหมือนมีการเขียนกันมาทีหลัง ซึ่งท่านทำแบบไหน ด้วยวิธีไหนนั้น ยังไม่แน่ชัด บ้างก็ว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าส้มเธอตายท้องกลม เธอตายวันเสาร์เผาวันอังคารด้วย (เรื่องตายวันเสาร์เผาวันอังคารนี่เขียนเสริมเข้าไปทีหลังให้เหมือนขลังเข้าไปอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แค่ตายท้องกลมก็สุด ๆ แล้ว) เรื่องเล่าว่าก่อนที่จะทำการเผาศพหลวงปู่ได้ให้นำขี้ผึ้ง น้ำมัน ว่านต่าง ๆ ที่บดผสมกับขี้ผึ้งแล้ว ใส่ลงไปในปี๊บ แล้วให้คนนำไปฝังไว้ใต้เชิงตะกอนที่เผาศพ ปิดทับด้วยสังกะสี แล้วจึงใช้ดินกลบ เมื่อทำการสวดและเผาศพตายท้องกลมนั้นแล้ว ขี้ผึ้งนั้นก็จะละลายกลายเป็นสีผึ้ง จึงเป็นที่มาของคำว่า สีผึ้งผีหุง จากนั้น หลวงปู่ท่านก็ให้ศิษย์ไปขุดขึ้นมาแล้วทำการปลุกเสกอีกจนเป็นที่พอใจจึงใช้ได้ ถ้าทำด้วยวิธีนี้ ไม่พิลึกอะไร ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันคนตายวันเสาร์เผาวันอังคารโดยตรง แต่ถ้าจะบอกว่ามีก็พออนุโลมได้ เพราะความร้อนที่เกิดจากการเผาผีที่อยู่ข้างบนมาละลายขี้ผึ้งที่ถูกฝังไว้ใต้ที่เผาศพ น้ำมันศพอาจจะละลายลงมาถูกขี้ผึ้งด้วยกรรมวิธีหรือคาถาวิเศษก็ได้ อีกอย่างการทำสีผึ้งผีหุงด้วยวิธีการนี้ คงจะได้สีผึ้งจำนวนมากอยู่ มากหรือไม่มากก็เห็นนำมาขายกันตามเพจต่าง ๆ จนถึงทุกวันนี้ แต่ละคนที่นำมาขายก็อ้างว่าสีผึ้งผีหุงทั้งนั้น และด้วยกรรมวิธีทำตามที่กล่าวนี้ คงจะไม่ได้ทำบ่อย ๆ อาจจะทำแค่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องเล่าที่ผมนำมาเล่าต่อนะครับ ซึ่งถ้าทำวิธีนี้ ได้สีผึ้งแน่นอน
อีกเรื่องเล่าหนึ่ง ซึ่งพบเจอได้ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งผมพยายามรักษาข้อความเดิม ๆ ไว้ จะเรียกว่า Copy มาให้ท่านอ่านก็ใช่ แต่ก็ขอเสริมความคิดเห็นตนเองเข้าไปหน่อย เดี๋ยว Google จะเล่นงานผม หาว่าทำเว็บไซต์ด้วยข้อมูลที่ Copy เขามาทั้งดุ้น เรื่องก็มีอยู่ว่า สีผึ้งผีหุงนี้หลวงปู่ทิมท่านจะไม่ค่อยทำ เนื่องจากต้องต้องผสมน้ำมันของคนตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร สีผึ้งชนิดนี้เฮี้ยนมาก ๆ ๆ ๆ (ไม่บอกว่าเฮี้ยนยังไง) มีศิษย์อาวุโสที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาทำสีผึ้งจากหลวงปู่ทิมแล้วรบเร้าให้หลวงปู่ทำ ยังไง ๆ ท่านก็ไม่ยอมทำ (ไหนประโยคก่อนว่าหลวงปู่ไม่ค่อยทำ ไม่ค่อยทำนี้คือทำบ้างแต่ไม่บ่อย แต่ตอนนี้บอกว่าหลวงปู่ไม่ทำเลยยังไง ๆ ก็ไม่ทำ) หลวงปู่ท่านเลยบอกว่าเรียนวิชาไปแล้วก็ต้องลอง (หลวงปู่ยังไง ๆ ก็ไม่ทำแต่ก็สนับสนุนให้ศิษย์ทำ เรียนแล้วต้องทำ) ศิษย์ท่านนี้ก็คือหลวงตาพูน (เคยเป็นสัปเร่อมาก่อน) หลวงตาพูนจึงนำขี้ผึ้งปิดปากผี (ไม่ได้บอกว่าตายวันเสาร์หรือไม่ และไม่ได้ระบุไว้ว่ามีว่านหรืออื่น ๆ ผสมด้วยไหม) ไปหุงที่ทางสามแพร่งในป่าช้า โดยนำเครื่องเซ่นสังเวยเพื่อทำพิธีบอกกล่าวนายป่าช้าก่อน แล้วนำขี้ผึ้งที่เตรียมไว้ใส่ในขันและเตรียมฟืนสามท่อนมาวางไว้ นำเครื่องเซ่นสังเวยอีกชุดหนึ่งมีปลาพร่า ปลายำ (ผมค้นข้อมูลใน Google เจอแต่ กุ้งพล่า-ปลายำ) แล้วเรียกผีผู้ตายมากินเครื่องเซ่น (ไม่แน่ใจว่าหมายถึงเหล่าผีที่อยู่ในป่าช้าหรือผีที่เป็นเจ้าของขี้ผึ้งปิดปากกันแน่ อาจจะหมายถึงผีที่เป็นเจ้าของขี้ผึ้งปิดปากนั่นแหล่ะครับ) จากนั้นนำขันที่ใส่ขี้ผึ้งนี้วางบนฟืน แล้วกล่าวว่า “เมื่อเอ็งกินอิ่มแล้วช่วยหุงสีผึ้งนี้ด้วย พรุ่งนี้ข้าจะมาเอา” แล้วรีบเดินออกมาเดินไปหน้าอย่างเดียวห้ามหันหลังมามองโดยเด็ดขาด พรุ่งนี้เช้าไปดู ถ้าขี้ผึ้งนี้หุงเสร็จแล้ว แสดงว่าวิชาที่เรียนมาสำเร็จเป็นอันใช้ได้ ผลปรากฏว่าขี้ผึ้งที่หลวงตาพูนนำไปให้ผีหุงนั้นสำเร็จ ท่านจึงนำกลับมาให้หลวงปู่ทิมท่านดู หลวงปู่ทิมท่านมองดูก็ไม่กล่าวว่าอะไรได้แต่ยิ้ม ๆ ๆ แล้วนำเข้าไปในกุฎิท่านปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง (ในเรื่องนี้ไม่ได้บอกว่าผสมน้ำมันคนตายวันเสาร์เผาวันอังคารตอนไหน) ด้วยกรรมวิธีนี้ จึงเรียกว่าขี้ผึ้งนั้นว่า สีผึ้งผีหุง ดูวิธีการทำแล้ว น่าจะได้สีผึ้งไม่มาก เพราะใส่ขันถือไป ขันจะใหญ่สักเท่าไหร่ คงไม่ใหญ่เท่าปี๊ปมั้ง ยิ่งถ้าหลวงตาไปองค์เดียว ไหนจะต้องถือขัน ไหนจะต้องเตรียมไม้สามท่อนไปด้วย ไหนจะต้องถืออาหารไปเซ่นไหว้ด้วย ดูอุปกรณ์แล้วคงไปคนเดียวลำบาก การทำก็ไม่ค่อยซับซ้อนนะ ไม่ได้พูดถึงคาถาใด ๆ เลย หรืออาจจะมีคาถาก็ได้รวมอยู่ในคำว่าทำพิธี แต่ถ้าเราทำประเด็นคือ 1.ใจกล้าไหม ในเรื่องเล่านี้ก็ไม่ได้บอกว่าต้องไปกลางวันหรือกลางคืน 2. ขี้ผึ้งที่ทำจะละลายเป็นสีผึ้งผีหุงไหม แต่ในเรื่องเล่านี้บอกว่าละลาย
ที่ผมเขียนแทรกความคิดเห็นนี้ ผมไม่ได้ลบหลู่หลวงปู่แต่อย่างใด ไม่มีคำไหนที่ผมลบหลู่ ผมเคารพนับถือท่านเหมือนเดิม ไม่มีสีผึ้งผีหุง ผีไม่มาช่วยหุง ผมก็เคารพหลวงปู่เหมือนเดิมครับ
อีกหนึ่งตำนานสีผึ้งผีหุง
อีกตำนานสีผึ้งผีหุง แต่ไม่ได้กล่าวถึงหลวงปู่ทิม แต่ก็ไม่แตกต่างกันนัก กรรมวิธีทำสีผึ้งผีหุงนั้นมีอยู่ว่า ให้นำขี้ผึ้งดิบ น้ำมันมะพร้าวตายคาต้น น้ำมันว่าน ว่าน และของอื่น ๆ ที่เห็นว่าเป็นมงคล ใส่รวมกันในขันสำริด เมื่อถึงคืนวันเพ็ญให้นำไปที่ปากทางเข้าป่าช้า เซ่นไหว้นายป่าช้า และผีเทวดาอารักษ์ทั้งหลายที่อยู่ในบริเวณนั้น กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญให้ด้วยบทอิมินา จากนั้น นำขันสำริดขี้ผึ้งวางบนผ้าขาว จุดธูปหนึ่งดอกบอกกล่าวให้บรรดาเทวดาหรือสรรพวิญญาณทั้งหลายให้ช่วยหุงขี้ผึ้งให้และบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาเอาก่อนตะวันเที่ยง ปักธูปบนขันหรือพาดไว้ก็ได้ให้ขี้ธูปหล่นใส่ขี้ผึ้งนั้น แล้วเดินกลับออกมาแบบไม่ลังเล (ไม่หันหลังมอง) พรุ่งนี้ให้มาก่อนเที่ยง ถ้าขี้ผึ้งละลายเป็นสีผึ้ง แสดงว่าใช้ได้ เป็นสีผึ้งผีหุงหรือเทวดาหุงหรืออาจจะมนุษย์ต่างดาวหุงให้ก็ได้นะ ถ้ามดแมลงเต็มไปหมด แสดงว่าผีไม่ช่วยหุงให้ เทวดาไม่สนใจ
สีผึ้งน้ำตาลชายง่อย 6 เมีย หลวงปู่ทาบ