ผมได้ยินได้ฟังคนนั้นคนนี้พูดว่า อาจารย์โน้นนี่ เสกพรายให้เป็นเทพ เสกกุมารให้เป็นเทพ ฟังดูช่างวิเศษเหลือเกินสามารถเสกผี เสกวิญญาณ เสกคนตายให้ขึ้นสวรรค์ได้ อันที่จริงไม่มีใครเสกให้ใครเป็นเทพได้หรอกครับ มีแต่ชี้แนะ บอกหนให้เท่านั้น พระพุทธเจ้าเองเป็นศาสดาของพวกเราแท้ ๆ ยังทำไม่ได้ พระองค์ได้แต่เพียงชี้แนะว่า นี่หนทางแห่งทุคติอบายภูมิ เป็นทางแห่ง นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน นี่สุคติ เป็นทางแห่งความเจริญ มี เทพ พรหมเป็นต้น พระพุทธเจ้าทรงแสดง ทรงชี้แนะทางแห่งความเสื่อมและทางแห่งความเจริญ ทางแห่งทุคติและสุคติเท่านั้น ส่วนใครจะไปต้องทำด้วยตนเอง
แม้แต่การนิมนต์พระไปสวดงานศพก็เหมือนกัน คนเข้าใจผิดเยอะ คิดว่าพระมาให้บุญคนตาย หรือมาสวดเพื่อให้คนตายได้ขึ้นสวรรค์ แต่ที่แท้จริง นอกจากเป็นการกล่าวธรรมแสดงธรรมแล้ว การนิมนต์พระมางานศพนั้น ถ้าจะพูดเต็ม ๆ คือ นิมนต์พระมาเพื่อให้เรามีโอกาสได้ทำบุญ เพื่อให้วิญญาณผู้ตายได้ทำบุญด้วย เราได้ทำบุญด้วยการถวายทาน สมาทานศีล ฟังพระสวดพระพุทธมนต์ ฟังธรรม นี่เป็นบุญ เมื่อพระมาเพื่อให้เราได้ทำบุญแล้ว เราเจ้าภาพได้ทำบุญ บุญก็เกิดขึ้นแก่เจ้าภาพ จากนั้นก็ทำการอุทิศบุญให้แก่ผู้ตาย ผู้ตายก็ได้ทำบุญด้วยการอนุโมทนาบุญ ไม่ใช่บุญจะลอยไปเต็มตัวเขาโดยที่เขาไม่อนุโมทนา การที่วิญญาณผู้ตายอนุโมทนานั้นและ คือหนึ่งในวิธีการทำบุญ บุญจะไม่เกิดขึ้นแก่ผู้ไม่ทำ อย่างน้อยเมื่อรับทราบแล้วต้องอนุโมทนา บุญจึงเกิดขึ้นได้
พราย กุมารทอง หรือจะเรียกดวงจิตดวงวิญญาณนี้ว่าอะไรก็ตาม ไม่มีใครสวดให้เขาเป็นเทพเทวดาได้ โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ยกเว้นแต่อาจารย์นั้น ๆ แสดงธรรม สวดธรรมะให้เขาฟัง หรืออาจารย์นั้น ๆ ทำบุญแล้วอุทิศบุญให้เขา แล้วเขาอนุโมทนา แต่ถ้าเขาไม่อนุโมทนา ก็จบเช่นกัน หรืออาจารย์นั้นสวดธรรมะ สาธยายธรรมะให้เขาฟัง เขาเข้าใจในธรรมะ พัฒนาจิตวิญญาณภพภูมิของเขาเอง จนหลุดพ้นจากอัตภาพที่เป็นอยู่ แต่ก็อาศัยความพยายามของเขาเป็นหลักเช่นกัน