พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่
เชื่อว่าหลายท่านยังมีความลังเลสังสัยอยู่ว่า พระพุทธเจ้ามีจริงไหม ? หรือเป็นแค่นิยายเรื่องเล่าที่แต่งขึ้นมาเหมือนการกำเนิดโลก การกำเนิดเทวดา หรือเป็นแค่เรื่องเล่าสืบทอดกันมาหาหลักฐานอะไรจับต้องไม่ได้
มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
อาศัยหลักฐานอย่างน้อย ๓ ประการ เป็นเครื่องยืนยันว่าพระพุทธเจ้ามีจริง มีพระชนชีพมฺอยู่จริง
๑. หลักฐานทางโบราณสถาน โบราณวัตถุ
อย่างเป็นที่ทราบกันเกี่ยวกับสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ที่เป็นเครื่องยืนยันสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม และเสด็จดับขันธปรินิพาน ได้รับการยืนยันจากบุรพกษัตริย์มาโดยลำดับ เช่น พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสร้างเสาหินจารึกไว้ว่า ณ ที่ตรงนี้เป็นสถานที่ประสูติ เป็นต้น
๒ หลักฐานทางประวัติศาสตร์
พระพุทธเจ้าเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงปรากฎมีในประวัติศาสตร์ ว่าพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโทธนะกับพระนางเจ้าสิริมหามายา แห่งพระนครกบิลพัสดุ์ พระนามเดิมว่า “สิทธัตถะ” เป็นที่รับรู้และยอมรับกันทั่วไปว่า เมื่อพระองค์ทรงออกผนวชแสวงหาสัจจธรรมจนได้ตรัสรู้ธรรม และสั่งสอนสิ่งที่พระองค์ค้นพบที่เรียกว่าพระธรรมออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะแต่ประเทศอินเดียเท่านั้น แต่ยังขยายออกไปทั่วโลก
๓. หลักฐานที่เป็นคำสอนได้แก่พระธรรมวินัย
พระธรรมวินัย หรือคำสั่งสอนของพระองค์ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญแห่งความเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอนแบบนี้เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ไม่มีในที่อื่น นอกจากบุคคลที่เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น หลังจากที่พระองค์ได้ตรัสรู้ได้ทรงประกาศพระศาสนามาโดยตลอด ๔๕ พรรษา มีพระสาวกผู้สืบทอดพระธรรมรู้ตามจำนวนมา เฉพาะ ๙ เดือนแรก มีพระสาวกผู้รู้เห็นธรรมตามเป็นพระอรหันต์ถึง ๑,๓๔๕ รูป (ที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์มีมากกว่านี้ ใน ๙ เดือนแรก) และพระธรรมของพระองค์ได้แผ่ไปทั่วโลก ในรูปแบบของพระไตรปิฎก มีการจัดพิมพ์เป็นภาษาต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า ๕๐ ภาษาทั่วโลก พร้อมที่จะให้ทุกท่านได้ทำการพิสูจน์
จุดเด่นที่สำคัญของพระธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่งคือ พร้อมที่จะให้พิสูจน์ได้ทุกเมื่อ ทุกคน อีกทั้งยังเรียกร้องเชิญชวนให้ทุกคนมาพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง ดังบทธรรมคุณที่ว่า “เอหิปัสสิโก” พระธรรมของพระองค์เป็นสิ่งที่ควรเรียกร้องป่าวประกาศให้ใครต่อใครมาดูมาพิสูจน์
ที่มา : พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่