
เรื่องมีอยู่ว่า นางวิสาขามหาอุบาสิกามีหลานสาวคนหนึ่งชื่อว่าสุทัตตี ซึ่งนางได้ทำหน้าที่ช่วยนางวิสาขาในการต้อนรับพระสงฆ์ในเรือน
ต่อมา สุทัตตีกุมาริกานั้นได้ตายจาก เมื่อนางวิสาขาให้ทำการฝังศพนางแล้ว แต่ก็ไม่อาจจะอดกลั้นความโศกไว้ได้ มีทุกข์เสียใจ (นางวิสาขาเป็นโสดาบัน แต่ก็ยังมีความโศกอยู่) ไปพระวิหารเพื่อเฝ้าพระศาสดา ครั้นถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสถามนางวิสาขาว่า “วิสาขา ทำไมหนอ เธอจึงมีทุกข์เสียใจ มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา นั่งร้องไห้อยู่ ?” นางจึงได้ทูลเรื่องราวทั้งหมดนั้น แล้วกราบทูลว่า “พระเจ้าข้า นางกุมารีนั้นเป็นที่รักของหม่อมฉัน เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยวัตร, บัดนี้ หม่อมฉันไม่เห็นใครเช่นนั้น.”
พระศาสดา. วิสาขา ก็ในกรุงสาวัตถีมีมนุษย์ประมาณเท่าไร?
นางวิสาขา. พระเจ้าข้า พระองค์นั่นแหละ ตรัสแก่หม่อมฉันว่า ‘ในกรุงสาวัตถี มีชน ๗ โกฏิ.’
พระศาสดา. ก็ถ้าชนมีประมาณเท่านี้ ๆ พึงเป็นเช่นกับหลานสาวของเธอไซร้ เธอพึงปรารถนาเขาหรือ?
นางวิสาขา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. ก็ชนในกรุงสาวัตถีทำกาละวันละเท่าไร?
นางวิสาขา. มาก พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลาที่เธอจะเศร้าโศกก็จะไม่พึงมี มิใช่หรือ? เธอพึงเที่ยวร้องไห้อยู่ทั้งกลางคืนและกลางวันทีเดียวหรือ?
นางวิสาขา. ยกไว้เถิด พระเจ้าข้า. หม่อมฉันทราบแล้ว.
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะนางว่า “ถ้ากระนั้น เธออย่าเศร้าโศก, ความโศกก็ดี ความกลัวก็ดี ย่อมเกิดแต่ความรัก” ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
เปมโต ชายตี โสโก เปมโต ชายตี ภยํ
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ.
ความโศกย่อมเกิดแต่ความรัก ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก;
ความโศกย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษแล้วจากความรัก,
ภัยจักมีแต่ไหน.
หมายเหตุ :
๗ โกฏิ เท่ากับ ๗๐ ล้าน แต่โดยความเป็นจริงแล้ว เมืองสาวัตถีไม่น่าจะมีประชากรมากขนาดนั้น เป็นไปได้ไหมคำว่า ๗ โกฏิ เป็นสังขยา คือการนับ การคํานวณที่หมายถึงจำนวนมากเกินกว่าจะนับได้
นางวิสาขาแม้เป็นอริยสาวกโสดาบัน แต่ก็ไม่อาจตัดความเศร้าโศกเสียใจได้ทั้งหมด แต่ร้องไห้ฟูมฟายแบบคนเสียสติ ไม่เป็นบ้าคลั่งเพราะเหตุแห่งความโศกเสียใจ