หลวงพ่อปานได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาจากชีปะขาว เมื่อราวปี พ.ศ. 2446 ระหว่างที่ท่านฝึกกรรมฐานเพิ่มเติมที่ศาลาไว้ศพ ที่วัดบางนมโค ด้วยวิธีพิจารณา “อสุภกรรมฐาน” คือการพิจารณาศพคนตายเพื่อปลงสังขาร
ชีปะขาวตนหนึ่งได้เดินเข้ามาหาท่านและบอกกล่าวให้ท่านสร้างพระพิมพ์รูปพระพุทธเจ้านั่งสมาธิ โดยมีรูปสัตว์ 6 ชนิดอยู่ใต้ที่ประทับคือ ไก่, ครุฑ, หนุมาน, ปลา, เม่น, และ นก โดยการนิมิตเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ดังกล่าว พร้อมทั้งมีคาถากำกับในแต่ละชนิดมาด้วย นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นรูปแบบการสร้างพระพิมพ์ของหลวงพ่อปาน
อานุภาพของพระพุทธเจ้าประทับสัตว์ 6 ชนิด
พระขี่หนุมาน ป็นพระสำหรับทำนํ้ามนต์ รักษาโรคทุกอย่าง
พระขี่ไก่ เป็นพระสำหรับด้านเมตตาปรานี คือเป็นพระเมตตา
พระขี่ปลา เป็นพระสำหรับค้าขาย
พระขี่เม่น เป็นพระสำหรับคนเดินป่า ป้องกันอันตรายในป่า
พระขี่นกกระจาบ เป็นพระที่มีอานุภาพในการทำนา คนที่จะทำนา ถ้าจะทำนํ้ามนต์ด้วยพระขี่นกกระจาบแล้วก็เอาไปพรม อย่างนี้ผลในนาจะได้ดี
พระขี่ครุฑ มีอานุภาพในการคลอดบุตร ทำให้คนคลอดบุตรง่าย เป็นนํ้ามนต์ครรภ์รักษาด้วย อันนี้ตามรูปสัตว์นะ ตามตำราของท่านอธิบายไว้ แต่ทว่าแต่ละแบบก็ย่อมทำผงคนละอย่าง ๆ
คราวนี้เมื่อผงทั้ง 6 อย่าง ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เอามาเคล้ารวมกัน เอามาบรรจุลงในพระองค์เดียวกัน รวมความว่าพระองค์เดียวใช้ได้หมดทุกอย่าง ตามที่ฉันพูดมาแล้วนี่…
วิธีการทำพระของหลวงพ่อปาน
ถ้าจะทำ “หนุมาน” นะ ท่านทำให้ดู คือ ต้องเอาผ้าขาวมาเสกให้เป็นหนุมาน เป็น “ลิงเผือก” แล้วลิงเผือกตัวนั้น จะแบมือขึ้น จะมีคาถาที่มือ ก็จดคาถาที่มือเอามาทำผง
ถ้าทำ “พระขี่ไก่” ก็เสกผ้าขาวให้เป็นไก่ ไก่จะกางปีก แล้วมีคาถาที่ปีก จดคาถาที่ปีกแล้วมาทำผง ถ้าทำ “พระขี่ปลา” “พระขี่เม่น” “พระขี่ครุฑ” “พระขี่นกกระจาบ” ก็เหมือนกัน ผงจะมีอานุภาพกันคนละอย่าง
เมื่อได้ผงทั้ง ๖ อย่างแล้ว ก็มารวมเคล้ากัน แล้วก็บรรจุในรูปพระ เรียกว่าพระองค์เดียวใช้ได้ ๖ อย่างตามความประสงค์
ทีนี้เวลาจะทำจริง ๆ ท่านบอกว่าต้องได้สมาบัติ ๘ เพราะต้องเข้าฌานเข้าสมาบัติ ถ้าเป็นพระอรหันต์หรือพระอนาคามี ก็เรียกว่า “นิโรธสมาบัติ” ทีเดียว ไปเข้าขั้นนั้น
ทีนี้ถ้าเป็นฌานธรรมดา ก็เรียกว่าเข้าสมาบัติ ๘ เรียกกว่า ต้องไม่กินข้าว กินแต่นํ้านี่ ๑๕ วัน อันนี้แย่ ต้องไปทำผงอยู่ในโบสถ์คนเดียว ๑๕ วัน ติดต่อกับใครไม่ได้เลย
พอทำผงเสร็จเรียบร้อยแล้วครบ ๑๕ วันแล้วจึงจะออกมาได้ ดูสิพระของท่าน ที่ทำอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าปั้นเป็นลูก แล้วมานั่งเสก ๆ ประเดี๋ยวเดียวแล้วให้กัน ไม่ใช่เหมือนที่เราทำกัน เป็นของยาก
ที่มา : http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2446