คนเป็นจำนวนมากเชื่อว่า มีเทวดาคุ้มครองโลก มีพระเจ้า มีพระพรหม มีจตุโลกบาลทั้ง ๔ ได้แก่ ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์ เทวดา ๔ องค์นี้ มีหน้าที่รักษาโลก แบ่งกันรักษาองค์ละทิศ แต่ละองค์ประจำทิศต่าง ๆ ทำการบริหารรักษาโลกให้ทุกอย่างบนโลกไม่ว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ สัตว์ และมนุษย์ทั้งหลาย อยู่ในสภาพที่เรียบร้อย อย่าละเลยต่อหน้าที่ต่อกัน นี่คือเทวดา ๔ องค์ของพราหมณ์
ครั้นพระพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นในโลก ทรงเห็นว่าจะอาศัยเทวดาเหล่านี้คุ้มครองรักษาโลกอย่างเดียวคงไม่ไหวแล้ว ต้องใช้ธรรมะในการคุ้มครองรักษา นั่นคือ ธรรมะ ๒ ประการ ที่จะคุ้มครองรักษาโลกไว้ได้ดีกว่า ได้แก่ หิริ ความละอายแก่ใจ โอตตัปปะ ความกลัวบาป ธรรมะสองประการนี้เป็นธรรมคุ้มครองโลก เป็นธรรมรักษาโลก
ธรรมะคุ้มครองโลก ๒ ประการ
๑. หิริ (อ่านว่า หิ-ริ, หิ-หริ)
แปลว่า ความละอายแก่ใจ ความละอายต่อบาป หิริ หมายถึงความละอายใจตัวเองในการที่ตนเองทำความชั่วความผิด ต่อการประพฤติที่เป็นทุจริตทั้งหลาย ความละอายใจต่อตนเองที่จะละเว้นไม่ทำความดีเมื่อตนมีโอกาสที่จะได้ทำความดี ซึ่งความละอายแก่ใจนี้ควรจะทำให้เกิดมีในตน อย่างเช่นว่า ผู้เป็นบิดามารดามีความละอายใจที่จะไม่ดูแลบุตรของตนเอง อย่างนี้เรียกว่ามีหิริ
หิริ จะเกิดมีขึ้นได้ด้วยการคิดถึงการศึกษา ฐานะ ยศศักดิ์ ชาติตระกูลของตนเอง คิดถึงความเสียหายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งความแกล้วกล้าแห่งจิตใจที่จะไม่ทำชั่วเช่นนั้น
หิริ เป็นธรรมรักษาคุ้มครองโลก ทำให้โลกเกิดสันติสุขขึ้นได้ ทำให้คนเราอยู่กันอย่างสงบร่มเย็นเป็นสุขได้ เพราะว่าคนที่มีหิรินั้นจะเกลียดความชั่ว และละอายที่จะทำความชั่วนั้นทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทำให้ไม่เกิดความเดือดร้อนให้แก่โลกและสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
๒. โอตตัปปะ (อ่านว่า โอดตับปะ)
คือความเกรงกลัวต่อบาป หมายความว่ามีความสะดุ้งกลัวต่อผลของความชั่วนั้น ต่อผลของความทุจริตที่ตนได้ทำไว้
โอตตัปปะ เป็นอาการของจิตที่เกิดหวั่นไหวขึ้นเมื่อจะทำความชั่วต่าง ๆ เพราะมีความกลัวต่อความผิดที่จะตามให้ผลได้ในภายหลัง
โอตตัปปะ เกิดขึ้นได้เพราะคิดถึงโทษของความชั่วหรือความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นจากการทำชั่วนั้น ๆ จากการประพฤติที่เป็นทุจริตของตน เช่น ตนเองต้องมาเดือดร้อน เกิดความเสียหายต่าง ๆ มีเสียทรัพย์สินเงินทอง เสียอิสรภาพ เป็นต้น หรืออาจจะถูกคนอื่นตำหนิติเตียนไดั ถูกสังคมรังเกียจ
โอตตัปปะ เป็นธรรมคุ้มครองโลกคู่กับหิริ เพราะว่าคนที่มีโอตตัปปะย่อมกลัวที่จะทำความผิด ทำให้งดเว้นจากการประพฤติชั่วต่าง ๆ ได้ นำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข เกิดสันติภาพแก่โลกได้
หิริ โอตตัปปะ “สุกกธรรม” ก็เรียก เพราะว่าเป็นธรรมฝ่ายดีฝ่ายกุศลซึ่งเปรียบด้วยสีขาว อันเป็นไปเพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิตใจ “เทวธรรม” ก็เรียก เพราะว่าเป็นธรรมยังบุคคลให้เป็นเทวดาหรือทำให้เป็นผู้รุ่งเรือง บุคคลเมื่อได้ละจากโลกนี้แล้ว จะเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทพในสวรรค์ต้องอาศัยธรรมทั้ง ๒ ประการนี้