
พระที่นับได้ว่าเป็นพระที่มีราคาเช่าสูงอีกชุดหนึ่งของจังหวัดกาญจบุรี ด้วยเป็นพระชั้นหนึ่งจึงทำให้ถูกจัดอยู่ในชุดของเบญจยอดขุนพลที่เรียกได้ว่า มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ซึ่งพระท่ากระดานนั้นมีชื่อเสียงในด้านของความขลังในเรื่องแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี โดยวันนี้เราก็จะพาคุณไปดูประวัติความเป็นมาและความเลื่อมใสศรัทธาของพระท่ากระดาน
ประวัติพระท่ากระดาน
พระท่ากระดานนั้นเดิมได้ถูกชาวบ้านเรียกขานกันว่า พระเกตุบิดตาแดง เพราะส่วนมากพระท่ากระดานจะมีพระเกตที่บิดงอไม่ตรง ทั้งสาเหตุที่หลายคนให้เหตุผลเอาไว้ว่าอาจจะเป็นเพราะถูกทับถมเอาไว้ภายในกรุเป็นเวลานานจนทำให้บริเวณที่เป็นเนื้อตะกั่วมีสนิมที่แดงจัด ส่วนพระเนตรก็จะเป็นแบบพระเนตรเนื้อ นั่นก็คือมีพระเนตรที่เด่นชัดออกมา ซึ่งคนต่างถิ่นเข้ามาพบเจอเข้าจึงทำการตั้งชื่อใหม่ตามสถานที่พบเจอ นั่นก็คือตำบลท่ากระดานทำให้มีการเรียกขานกันว่าพระท่ากระดานตามตำบลที่พบเจอนั่นเอง
ในช่วงปีพุทธศักราช 2440 เป็นช่วงที่พบพระท่ากระดานอยู่ตามวัดร้างต่างๆ โดยเฉพาะที่ถ้ำลั่นทม ทำให้มีการเรียกขานกันว่าเป็นพระกรุเก่าศรีสวัสดิ์ ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่ได้มีการค้นหาอย่างจริงจังมากนัก จนในปีพุทธศักราช 2495 -2496 จึงได้มีการหากันอย่างจริงจังทั่วทุกที่ของตำบลท่ากระดาน โดยปัจจุบันนี้ตำแหน่งที่เคยค้นพบพระกรุเก่าดังกล่าวได้จมอยู่ใต้น้ำในเขื่อนศรีนครินทร์นั่นเอง
และต่อมาในปีพุทธศักราช 2497 ก็ได้ค้นพบอีกครั้ง โดยอยู่ในวัดที่ตั้งอยู่ในตัวจังหวัดถึง 3 วัด ซึ่งหลวงปู่เหรียญได้จ้างช่างให้มาทำการบูรณปฏิสังขรณ์ในส่วนของพระอาราม และขณะที่ช่างกำลังซ่อมแซมพระอุโบสถหลังเก่าอยู่ทำให้ได้พบกับพระท่ากระดาน และยังมีพระองค์อื่นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกพบบนเพดานพระอุโบสถและพบอยู่ที่หลังพระประธาน ซึ่งเป็นพระท่ากระดานกรุเก่าศรีสวัสดิ์ที่หลวงปู่ยิ้มได้บรรจุไว้นั่นเอง
ปีพุทธศักราช 2506 ก็ได้มีการค้นพบพระท่ากระดานอีกที่วัดเทวสังฆาราม เนื่องจากในขณะนั้นเองได้มีการเจาะพระเจดีย์องค์ปราณ ในขณะที่คนงานกำลังทำงานกันอยู่นั้นเมื่อมีการเจาะลึกลงไปได้ประมาณ 1 เมตรทรายที่บรรจุอยู่จึงทะลักออกมา และพบกับพระท่ากระดานที่ถูกบรรจุไว้ในไหโบราณ รวมทั้งมีพระเครื่องต่างๆ ถูกบรรจุไว้เป็นจำนวนมากด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีการขุดพบพระท่ากระดานที่วัดท่าเสา ในช่วงปี พุทธศักราช 2507
ทั้งนี้เมื่อมีการตรวจสอบก็พบว่าพระท่ากระดานเป็นพระศิลปะของอู่ทอง มีอายุที่เก่าแก่ ยาวนานมาก โดยเนื้อพระจะเเป็นสนิมแดงที่งดงามมาก บางองค์นั้นจะมีการปิดทองมาแต่ดั้งเดิมโดยส่วนที่กรุวัดเหนือในก่อนที่จะบรรจุนั้นพระบางองค์จะมีการปิดทองจากผู้ศรัทธาเพิ่มก่อนการบรรจุก็มี
พระท่ากระดานจำแนกเป็น 2 ประเภท
พระท่ากระดานนั้นจะถูกจำแนกออกเป็น 2 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นจะถูกแบ่งแยกจากช่วงเวลาและสถานที่ที่พบและด้วยลักษณะของพระที่พบต่างกัน วิธีการทำพระจึงมีการผิดเพี้ยนกันไปบ้างทำให้แยกออกได้อย่างชัดเจนว่าพระท่ากระดานรูปไหนเป็นพระกรุเก่าและรูปไหนเป็นพระกรุใหม่นั่นเอง
1.พระกรุเก่า
พระท่ากระดานกรุเก่านั้นจะต้องเป็นพระที่ถูกค้นพบในช่วงพุทธศักราช 2440 ไปจนถึงพุทธศักราช 2497 เท่านั้นจึงจะได้ชื่อว่าเป็นพระกรุเก่า และจะเป็นพระที่มีราคาให้เช่าค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียวเ พราะเป็นพระท่ากระดานชุดแรกที่เรียกว่าเป็นพระกรุเก่า โดยจะสามารถหาได้จากภายในตำบลท่ากระดานเท่านั้น
2.พระกรุใหม่
หลังจากช่วงปีพุทธศักราช 2507 ไปแล้วพระท่ากระดานที่พบหลังจากปีนี้นั้นจะถูกนับว่าเป็นพระกรุใหม่คาดว่าเกิดจากการที่มีการค้นพบในช่วงพระกรุเก่าแล้วประชาชนที่ได้รับหรือมีอยู่นั้นเกิดความศรัทธาในวัดที่ตนเองนับถือ จึงได้ทำการถวายให้กับหลวงพ่อเจ้าอาวาสตามวัดต่างๆ นั่นเอง และมีการบรรจุเข้าไปในสถานที่ต่างๆ ของวัดจึงทำให้เรียกได้ว่าเป็นพระกรุใหม่
ความเลื่อมใส ศรัทธา
พุทธคุณของพระท่ากระดานนั้น ขึ้นชื่อเรื่องอยู่ยงคงกระพันชาตร หากใครที่พกเอาไว้แล้วจะฟันแทงไม่เข้า ซึ่งในสมัยโบราณนั้นการรบทัพจับศึกจำเป็นการใช้มีดใช้ดาบกันอยู่จึงทำให้เป็นพระที่ใครๆ ก็ต้องการเพราะฟันแทงไม่เข้านั่นเอง แต่หากเป็นผู้ที่จิตใจดีมีศีลอยู่กับตัวเสมอไม่ได้เป็นนายทหารนายกอง หากพกติดตัวไว้ก็จะได้โชคลาภอุดมสมบูรณ์ตามแบบฉบับของพระอู่ทอง
พระท่ากระดาน จัดอยู่ในชุดเบญจยอดขุนพล
พระท่ากระดานนั้นถูกจัดอยู่ในชุดเบญจยอดขุนพลด้วยพุทธคุณในด้านคงกระพันชาตรีจึงทำให้บรรดาบุรุษหลายคนนิยมชมชอบที่จะพกเอาไว้เพราะจะช่วยให้ฟันแทงไม่เข้านั่นเอง และชุดเบญจยอดขุนพลนั้นจัดได้ว่าเป็นพระชุดที่มีราคาให้เช่าสูงมากเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่ชื่นชอบในการสะสมพระเครื่อง ก็ใฝ่ฝันว่าต้องการจะมีพระท่ากระดานเอาไว้สักองค์เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองต่อไป พระท่ากระดาน เป็นเพราะกรุงเก่าที่ค้นพบในกาญจนบุรี โดยมีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก ใครที่พกติดตัวไว้ เชื่อว่าจะนำพาโชคลาภ และแคล้วคลาดปลอดภัยมาให้กับคนผู้นั้นได้