เสือสมิงเป็นอีกคำที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน รู้จักกันในนามเสือที่มีวิญญานของผีร้ายมาสิง ทำให้เสือตัวนั้นกลายเป็นเหมือนเสือผีสิง และออกมาหากินคนที่เดินเข้ามาในป่าเป็นอาหาร บางทีเสือสมิงอาจจะเป็นคนที่มีอาคม แล้วสามารถจำแลงร่างกลายเป็นเสือสมิงก็ได้ ซึ่งไม่ว่าเสือสมิงจะมาจากอะไร แต่คำว่า “เสือสมิง” ย่อมนำมาซึ่งความตายให้กับคนที่ได้พบเห็น และตำนานเกี่ยวกับเสือสมิงแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรนั้น เราจะพาคุณไปหาคำตอบกันค่ะ
ความหมายของเสือสมิง
เสือสมิงในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2542 มีความหมายว่า เป็นคนที่มีอาคมแก่กล้าและสามารถจำแลงแปลงร่างเป็นเสือได้ หรือเสือที่กินคนมากๆ ทำให้มีวิญญาณของคนตายเข้าสิง จึงทำให้จำแลงร่างเป็นคนได้ ซึ่งอาถรรพ์ของเสือสมิง สามารถหลอกล่อคนให้มาเป็นเหยื่อ ยิ่งกว่านั้นหากเสือสมิงได้กินคนเข้าไปมากเท่าไหร่ ยิ่งมีฤทธิ์มากเป็นทวีคูณเท่านั้น
ความเชื่อเกี่ยวกับเสือสมิง
ความเชื่อเกี่ยวกับเสือสมิง ยังมีความหมายถึง เป็นเสือที่กินคนเข้าไปมากๆ จนมีวิญญาณผีตายโหง เข้ามาสิงในร่างเสือตัวนั้น และก็แปลงร่างออกมาหลอก คนที่เข้าไปในป่าเพื่อจับกินเป็นอาหาร ซึ่งจะแปลงตัวมาเป็นคนบาดเจ็บ สาวชาวป่า หรือเป็นคนที่รู้จักเพื่อตามให้กลับบ้าน ทำให้เหยื่อหลงกลได้ง่าย รวมทั้งเสือสมิงคือผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า แต่ไม่สามารถควบคุมได้วิชานั้นจึงย้อนเข้าตัว ทำให้คนๆ นั้นกลายเป็นเสือสมิงที่เรียกว่า สมิงอาคม
ลักษณะทั่วไปของเสือสมิง
เสือสมิงอาจจะเป็นผีหรือปีศาจ ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อของชาวไทยและชาวกะเหรี่ยง ที่มีความเกี่ยวข้องกับป่าและภูติผีวิญญาณรวมถึงสิ่งชั่วร้าย โดยเสือสมิงเป็นผีหรือปีศาจร้ายในร่างเสือโคร่งขนาดใหญ่ เที่ยวออกอาละวาดกินคนเป็นอาหาร เชื่อกันว่าดั้งเดิมเสือสมิง เกิดจากมนต์คาถาทางไสยศาสตร์ หรืออาจจะเป็นเสือที่กินคนเข้าไปมากๆ แล้ววิญญาณที่ถูกกินเหล่านั้น ได้กลับมาสิงในร่างของเสือโคร่ง และกลายเป็นเสือสมิงในเวลาต่อมา โดยทั่วไปเสือสมิงจะมีร่างเป็นคน และสามารถแปลงร่างเป็นเสือในเวลากลางคืน และออกหาเหยื่อกิน เมื่อออกหาเหยื่อจะแปลงร่างเป็นสามี ภรรยาของเหยื่อบ้าง หรือแปลงเป็นพระธุดงค์ก็ได้
บันทึกของรัชกาลที่ 5 เกี่ยวกับเสือสมิง
เมื่อปี พ.ศ. 2419 ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสป่าในจังหวัดจันทบุรีพระองค์ได้มีบันทึกเกี่ยวกับ ความเชื่อเรื่องเสือสมิงของคนในแถบนี้ว่า ราษฎรชาวเมืองแถบนี้มีความเชื่อ และกลัวเสือสมิงมาก ซึ่งที่เมืองเขมรมีอาจารย์ที่สามารถทำน้ำมันเสือสมิงได้ และลูกศิษย์ได้นำน้ำมันนั้นมาทาตัว ทำให้กลายเป็นเสือสมิงไปถึง 3 คน ซึ่งได้หลุดเข้ามาในแขวงจันทบุรี 1 ตัว เป็นเสือที่ดุร้ายมาก เที่ยวขบกัดคนที่พริ้ว 2 คน ปากจั่น 1 คน และที่ป่าสีเซ็นอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน อาจารย์จึงได้ออกเที่ยวติดตามหา และได้เตือนชาวบ้านว่าให้ระวังเสือสมิง เนื่องจากมีลูกศิษย์ของตน ได้ขโมยน้ำมันเสือสมิงมาทาตัว กระทั่งกลายเป็นเสือสมิงทั้ง 3 คน
พ่อแม่ของลูกศิษย์เหล่านั้นต้องการได้ลูกคืน จึงออกมาเที่ยวตามหา และสั่งชาวบ้านไว้ว่า หากใครได้เจอเสือสมิงนั้น ให้เอาไม้คานตี หรือจะใช้กะลาครอบรอยเท้าเสือนั้น แล้วเสือสมิงนั้นจะกลับกลายเป็นคน แต่การใช้วิธีนี้จะได้ผลเมื่อเสือสมิงนี้ยังไม่ได้กินคนเข้าไป จึงเป็นวิธีที่อาจจะทำให้กลับกลายเป็นคนได้
ความเชื่อเกี่ยวกับเสือสมิงของชาวกะเหรี่ยง
เสือสมิงตามความเชื่อของชาวกะเหรี่ยง เชื่อว่าเป็นเจ้าป่าเจ้าเขา ที่คอยดูแลปกป้องป่า จึงมีข้อห้ามและข้อปฏิบัติประจำเผ่าว่า ห้ามล่าสัตว์หรือตั้งห้างบริเวณที่เป็นป่าโป่ง ซึ่งเป็นที่มีสัตว์ป่าชุกชุม ซึ่งมีผู้ที่เคยเห็นดวงตาสามดวง ที่บริเวณป่าโป่ง โดยตาทั้งสามดวงอยู่กลางหน้าผาก และเป็นสีเขียวเรืองแสงในความมืด ชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่าเสือสมิงจะแปลงกายเป็นผู้หญิงหรือเมีย เข้ามาตามถึงในป่า เพื่อมาแจ้งว่าลูกป่วยให้รีบกลับบ้าน หากใครลงไปด้วยก็จะถูกฆ่าตาย หรือบางครั้งหากไม่มีใครตามไปด้วย ก็จะวกกลับมาใหม่พร้อมด้วยคนอีกสามสี่คน และมีคานหามศพของลูกเมียมาด้วยก็มี รวมทั้งชาวปกาเกอะญอ หรือกะเหรี่ยงสกอร์ยังเชื่อว่า มีเสือสมิงตนหนึ่ง อาศัยอยู่ในแถบถ้ำแม่อุสุ ซึ่งเป็นถ้าขนาดใหญ่ในอุทยานแห่งชาติแม่เมย จังหวัดตาก
การเล่าขานเกี่ยวกับเสือโคร่งในภาคเหนือ
มีตำนานเล่าของชาวบ้านในภาคเหนือ เกี่ยวกับการได้รับความเดือดร้อน เพราะมีเสือเข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวมาก จึงได้ไปขอความคุ้มครองจากหน่วยทหารตระเวนชายแดน เพื่อให้เข้ามาดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้าน หน่วย ตชด. จึงได้เข้ามาคุ้มครองชาวบ้าน และได้ออกล่าเสือตัวนั้น ซึ่งมีคืนหนึ่งที่ ตชด. ได้จัดกำลังเพื่อออกตรวจความเรียบร้อยส่วนหนึ่ง และที่เหลือส่วนหนึ่งยังคงนอนพัก บนศาลาที่ชาวบ้านจัดไว้ เมื่อถึงช่วงเวลากลางดึกศาลาที่พักนั้น ได้โยกโอนเอนและสั่นไหวผิดปกติ เมื่อทหารตื่นขึ้นมาดูจึงพบว่า มีเสือโคร่งตัวใหญ่ยืนพิงสีตัวกับเสาของศาลา
จากนั้นทหารจึงยิงปืนเข้าใส่เสือโคร่งตัวนั้น ทำให้เสือได้รับบาดเจ็บและหนีหายไปในความมืด เมื่อถึงตอนเช้าทหารจึงติดตาม เพื่อแกะรอยเลือดของเสือตัวนั้น ปรากฎว่ารอยเลือดไปสิ้นสุด ตรงบริเวณเนินดินแห่งหนึ่ง เมื่อทหารขุดหลุมเพื่อเปิดตรงบริเวณเนินดินนั้น ก็พบกับศพของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้าน แต่แปลกตรงที่ร่างกายท่อนล่างของเขาเป็นเสือ และมีลายพาดกลอน ซึ่งชาวบ้านได้บอกกับทหารว่า ชายคนนี้เขาตายเพราะว่าผิดผี และได้กลายมาเป็นเสือสมิงดังที่เห็นนี้
ความเชื่อเรื่องเสือสมิงที่ทุ่งใหญ่นเรศวร
นอกจากเรื่องเล่าของเสือสมิงในภาคเหนือแล้ว ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง ผืนป่าที่เป็นมรดกโลกของไทย และเป็นป่าอนุรักษ์ขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ครอบคลุมพื้นที่เขต จ.อุทัยธานี จ.ตาก และ จ.กาญจนบุรี ได้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเสือตัวเป็นๆ มากกว่าเสือสมิง และเรื่องของเสือสมิงได้ค่อยๆ เลือนหายไป โดยพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่า จึงสามารถพบเห็นสัตว์ขนาดใหญ่ และดุร้ายอย่างเสือได้ง่าย แต่สถานการณ์ของเสือที่เป็นเสมือน สิ่งที่ช่วยบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ กำลังลดจำนวนลง ถึงแม้ว่าผืนป่าแห่งนี้ได้รับการขึ้นชื่อว่า มีเสืออาศัยอยู่จำนวนมาก แต่ปัญหาการล่าเสือในปัจจุบัน ส่งผลให้เสือชนิดต่างๆ ในทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง ได้ลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำมือของมนุษย์
เรื่องเล่าของลุงทองแห่งทุ่งใหญ่นเรศวร
มีเรื่องเล่าของลุงทอง อดีตเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว ได้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเสือสมิงว่า มีอยู่ปีหนึ่งที่ลุงได้ลาพักร้อนเพื่อพักผ่อน โดยลุงอยากไปนั่งพักผ่อนที่นั่งห้างของทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อดูสัตว์มากินโป่งในตอนกลางคืน ซึ่งก่อนเข้าไปในป่าลุงทองได้สั่งกับเมียว่า ไม่ต้องตามเข้าไปนะ จะเข้าป่า 3 วันแล้วจึงจะกลับออกมา จึงได้เตรียมสัมภาระ ที่จำเป็นในการเข้าป่า และเดินเข้าไปในป่าลึก กระทั่งถึงบริเวณห้างสำหรับนั่งดูสัตว์ คืนแรกบรรยากาศดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลุงทองเห็นหมูป่าออกมากินดินโป่งตอนกลางคืน และได้เห็นสัตว์ป่าอื่นๆ อีกมากมาย
คืนที่สองในทุ่งใหญ่นเรศวรของลุงทอง
พอถึงคืนที่สอง ลุงทองขึ้นไปนั่งบนห้างเหมือนเดิม แต่คืนนี้บรรยากาศไม่ดีเหมือนคืนแรก เพราะฟ้ามืดสนิท ไม่มีดาว และแสงจันทร์เลย บรรยากาศเงียบผิดปกติ กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน ลุงทองตั้งใจฟัง และนึกในใจว่าใครช่างกล้าหาญมาเดินในป่าตอนกลางคืน และลุงทองก็ได้ยินเสียงเหมือนเมียตัวเองเรียก พี่ทอง พี่ทองนี่ฉันเอง จึงมองลงไปและเห็นเมียถือตะเกียงเจ้าพายุมายืนบอกว่า ลูกไม่สบาย ตัวร้อนมาก ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยพี่ พอเห็นเมียพูดอย่างนั้นลุงทองทำท่าจะลงจากห้าง แต่ก็เอะใจขึ้นมาว่าภรรยาคงไม่กล้าหาญ กระทั่งเดินเข้ามาในป่าตอนกลางคืนแบบนี้ เพราะในป่าเต็มไปด้วยสัตว์ป่าดุร้ายต่างๆ มากมาย ซึ่งลุงทองพยายามสังเกตเมียที่ยืนต่อหน้านั้นก็เห็นว่า เวลาพูดไม่ค่อยสบตาตรงๆ กับลุงทอง
อีกทั้งลุงทองยังคิดอีกว่าหากเดินมาจากบ้าน ด้วยระยะทางไกลขนาดนี้ น้ำมันในตะเกียงเจ้าพายุน่าจะหมดแล้ว แต่ทำไมถึงยังสว่างมาได้ถึงตอนนี้ แถมในมือก็ไม่มีสัมภาระอะไรมาเลย นอกจากชุดคอกระเช้าและผ้าถุง ซึ่งเป็นชุดที่เมียใส่อยู่ที่บ้านประจำ ลุงทองจึงตัดสินใจหันปากกระบอกปืนส่งให้เมีย และพูดว่ารับปืนพี่ที พี่จะลงไปแล้ว พอเมียยื่นมือรับปากกระบอกปืนจึงลั่นไกทันที เสียงปืนดังสนั่น ท่ามกลางความเงียบ แล้วก็มีเสียงคำรามของเสือ และพุ่งออกจากโคนต้นไม้อย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นแนวป่าลึก ลุงทองตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่านี่อาจจะเป็นเสือสมิงที่เคยได้ยินมา เพราะถ้าไม่ใช่เสือสมิงแล้วจะเป็นอะไร โดยหลังจากยิงแล้วก็ไม่เห็นศพเมียเลย หรือว่าเมียจะโดนเสือกินไปเสียแล้ว
รวมถึงลุงทองยังเล่าเรื่องราวว่า การที่ตัดสินใจลั่นไกยิงไปที่ตะเกียงเจ้าพายุ เพราะมีนายพรานเคยสอนไว้ว่า เสือสมิงจะแปลงร่างเป็นคนได้ หากจะฆ่าให้มันตายต้องยิงที่แสงไฟที่มันถือมา เพราะเป็นแสงไฟขณะกลายร่างเป็นคนของมัน จึงเปรียบเสมือนหัวใจของมันนั่นเอง
เมื่อ 3 วันผ่านไปลุงทองกลับบ้านตามสัญญา
พอรุ่งเช้าของวันนั้น ลุงทองได้ตัดสินใจกลับบ้าน แต่ก็ยังคาใจกลับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จึงตัดสินใจเดินไปตามแนวป่าลึก ที่คิดว่าจะเป็นทางที่เสือวิ่งไป โดยคิดว่าเสือโดนยิงมากขนาดนั้นคงไปได้ไม่ไกล เมื่อเดินไปได้ไม่ไกลนักเหมือนที่คิดไว้จริงๆ ลุงทองก็เห็นเสือโคร่งตัวใหญ่นอนตายอยู่ จึงตัดสินใจกลับบ้านทันที เมื่อกลับถึงบ้านก็มองเห็นเมียกำลังเล่นกับลูก ลุงทองรู้สึกโล่งใจมาก และถามกับเมียว่า ช่วงสามวันที่ตัวเองเข้าไปในป่านั้น ได้ไปไหนมาบ้างหรือไม่ เมียบอกว่าไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านกับลูกตลอด ลุงทองจึงเชื่อว่านั่นคือเสือสมิง ซึ่งหากไม่เจอด้วยตัวเองก็คงไม่เชื่อ
ความเชื่อเกี่ยวกับเสือสมิงในต่างประเทศ
ความเชื่อเกี่ยวกับเสือสมิงในต่างประเทศ ก็มีเหมือนกันแต่จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เช่น ความเชื่อเรื่องเสือสมิงในทวีปยุโรปยุคกลางเชื่อว่า มนุษย์สามารถกลายร่างเป็นหมาป่า หรือที่เรียกว่ามนุษย์หมาป่าได้ โดยเกิดจากอำนาจเวทย์มนต์ โดยเฉพาะในคืนที่มีจันทร์เต็มดวง หรือสามารถกลายร่างเป็นสัตว์ป่าอื่นๆ ได้ด้วย เช่น หมี ส่วนในทวีปอเมริกาเหนือ มีชาวอินเดียนแดงที่มีความเชื่อคล้ายกันกับชาวยุโรปว่า มีเรื่องราวเกี่ยวกับสกินวอล์กเกอร์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายมนุษย์หมาป่าในยุโรปมาก และมีความเชื่อว่ามนุษย์สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ต่างๆ ได้ เช่น แมว เสือโคร่ง สิงโต เสือดาว ลิง รวมทั้งสัตว์ประเภทเสือชนิดอื่นๆ ด้วย เรื่องราวเกี่ยวกับเสือสมิง เป็นตำนานที่มีการเล่าขานต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น ใครที่เคยมีประสบการณ์เจอด้วยตัวเอง ก็สามารถบอกได้ว่ามีอยู่จริง แต่หากเป็นเรื่องที่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น อาจจะยังไม่สามารถพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ จึงเป็นเพียงการศึกษาและฟังเพื่อประดับความรู้ หากมีโอกาสเจอเสือสมิงจริง จะได้นำความรู้นั้นมาใช้ในการเอาตัวรอดได้