ไม่พบเจอง่าย ๆ กับพระสมเด็จหลวงพ่อพรหม รุ่นทรงรัศมีพรหม องค์ที่สวยงามเช่นนี้
พระสมเด็จทรงรัศมีพรหม หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
สุดยอดแห่งพระสมเด็จหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ต้องยกให้พระผงสมเด็จ “รุ่นทรงรัศมีพรหม” สร้างปี พ.ศ. 2516 จำนวนสร้างไม่มากนักประมาณว่า 2,000 องค์ พระสมเด็จรุ่นทรงรัศมีพรหมนี้มีพิมพ์ฐานเรียบเพียงพิมพ์เดียวเท่านั้น หลวงพ่อพรหมแห่งวัดช่องแค่เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกให้ถึง 2 ครั้ง 2 พิธีใหญ่ ครั้งแรกวันเสาร์ห้าปี 2516 ครั้งที่ 2 อธิษฐานจิตปลุกเสกพร้อมกับพระผงรุ่น 5 เมตตา
สมเด็จรุ่นทรงรัศมีพรหมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว องค์พระจะมีความแอ่นโค้งเล็กน้อยทุกองค์ จึงทำให้เนื้อพระค่อนข้างแน่น เพราะทำการกดพิมพ์ถึง 2 ครั้ง เนื้อพระสีจะออกอมเหลือง สวยงามาก ๆ ครับ
พุทธคุณพระสมเด็จทรงรัศมีพรหม
สำหรับพุทธคุณสมเด็จทรงรัศมีพรหมกล่าวกันว่ามีความโดดเด่นด้านเลื่อนยศตำแหน่ง เป็นที่รักของผู้ใหญ่ เป็นที่นับถือของเพื่อนและบริวาร ทำการสิ่งใดก็สำเร็จสมประสงค์เหมือนดังมีพรหมเนรมิตให้ นอกจากนั้นยังแคล้วคลาดปลอดภัยอีกด้วย
คาถาบูชาพระสมเด็จทรงรัศมีพรหม
นะมิโตเยวะ พรหเมหิ | นะระเทเวหิ สัพพะทา |
นะทันโต สีหะนาทัง โย | นะทันตัง ตัง นะมามิหัง |
พระพุทธเจ้าพระองค์ใด อันพรหมและเทวดา มนุษย์ทั้งหลายนอบน้อมอยู่ทุกเมื่อ พระพุทธเจ้าพระองค์ใดทรงบันลือสีหนาท ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นผู้ทรงบันลือสีหนาทอยู่
ประวัติย่อหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
หลวงพ่อพรหม ถาวโร ท่านถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปี มะแม ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พศ. 2426 ณ.ตำบลบ้านแพรก อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อหมี โกสะลัง มารดาชื่อล้อม โกสะลัง
ท่านเมื่ออุสมบทที่วัดเขียนลาย ต.บ้านแพรก อ.บ้านแพรก จ.อยุธยา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2447 โดยมีหลวงพ่อถม วัดเขียนลาย เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ถาวโร” หลังอุปสมบทแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาขอมจนชำนาญและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
หลวงพ่อพรหม ท่านชอบระฆัง การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อพรหมจึงเป็นรูประฆังจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์วัตถุมงคลของท่าน
การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงพ่อพรหม
หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงพ่อพรหม วัดช่องแคนั้น จะมีความแตกต่างจากพระเกจิรูปอื่น คือท่านจะลืมตาเพ่งกระแสจิตปลุกเสก เมื่อหลวงพ่อพรหมจะปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านจะนำวัตถุมงคลทั้งหมดลงในบาตร แล้วจุดเทียนชัยให้น้ำตาเทียนหยดลงในหม้อน้ำมนต์วน 9 รอบ (หมายความว่าทำน้ำพระพุทธมนต์ที่หม้อน้ำมนต์หรือบาตรน้ำมนต์ต่างหาก) จากนั้นท่านจึงนำดินสอพองมาเจิมที่วัตถุมงคลที่อยู่ในบาตร (คนละใบกับหม้อน้ำมนต์หรือบาตรน้ำมนต์) ขณะที่หลวงพ่อลืมตาเพ่งกระแสจิตมายังวัตถุมงคลท่านก็ใจะใช้มือคนรอบ ๆ วัตถุมงคลที่อยู่ในบาตรด้วย เสร็จแล้วท่านจึงนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมวัตถุมงคลทั้งหมด หลวงพ่อท่านจับบาตรที่ใส่วัตถุมงคล เพ่ง กระแสจิตอีกครั้งจนกระทั่งปรากฏเห็นวัตถุมงคลเหล่านั้นมีรังสีพุ่งออกมา จึงนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมอีกครั้งเป็นเสร็จพิธี
ฉะนั้น วัตถุมงคลที่เป็นพระเนื้อผงของหลวงพ่อจึงมักจะมีรอยบิ่น เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เพราะเกิดจากหลวงพ่อพรหมใช้มือคนในบาตรในขณะที่เพิ่งกระแสจิต จึงสันนิษฐานได้ว่าวัตถุมงคลรายการใดมีรอยบิ่นแสดงว่าวัตถุมงคลรายการนั้นได้สัมผัสกับมือหลวงพ่อพรหม (จริง ๆ อาจจะไม่ได้สัมผัสกับถือของท่านโดยตรง เพราะรอยบิ่นอาจจะเกิดขึ้นจากวัตถุมงคลกระทบกันหรือกระทบกับผิวบาตร)
ข้อมูลจาก : www.web-pra.com