พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ มีเหตุผลอย่างไรที่พอจะให้เชื่อได้ว่าพระพุทธเจ้ามีอยู่จริง ๆ?
ที่ถามว่าพระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่นั้น ทราบไหมว่า พระพุทธเจ้าที่สงสัยว่ามีจริงหรือไม่นั้น พระองค์คือใคร? ผู้ถามรู้จักพระพุทธเจ้าในฐานะอย่างไร?
คนเราแปลกดีเหมือนกัน บางครั้งพูดกันถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่ทราบว่า เรื่องนั้นเป็นจริงหรือไม่ ชาวพุทธเป็นจำนวนไม่น้อยที่กล่าว
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ หรือ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ มานานแสนนาน วันดีคืนดีลุกขึ้นมาถามเพื่อนว่า
“พระพุทธเจ้ามีจริงหรือ? คนโบราณอุปโลกน์ขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้” หรืออาจคิดว่า “พระพุทธเจ้ามีจริงไหมหนอ?” เป็นต้น
การตอบว่า พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่นั้น เราต้องทราบว่าพระพุทธเจ้าคือใครให้ได้เสียก่อน ท่านได้ให้คำนิยามว่า
“พระพุทธเจ้าคือท่านผู้รู้ดี รู้ชอบ ด้วยพระองค์เองแล้วสอนบุคคลอื่นให้รู้ตามด้วย”
นี่คือพระพุทธเจ้าในความเข้าใจ ความเชื่อถือของชาวพุทธผู้แสดงตนนับถือพระองค์ พระพุทธเจ้าในความหมายดังกล่าวเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับจีนมีเล่าจื้อ ขงจื้อ เม่งจื้อ ไอคุปต์มีพระนางคลีโอพัตรา กรีกมีโสกราตีส เพลโต อริสโตเติ้ล คือเป็นบุคคลที่เคยเกิดขึ้นในโลกเมื่อหลายพันปีมาแล้ว มีหลักฐานทางโบราณคดี ประวัติศาสตร์ ศิลาจารึก และเอกสารบันทึกต่าง ๆ ยืนยันถึงความมีอยู่ของพระองค์ ในฐานะที่เป็นคน ๆ หนึ่งผู้ได้อุบัติบังเกิดมาเช่นเดียวกับที่คนทั้งหลายเกิดดำรงอยู่และแตกดับไปในยุคสมัยต่างๆ
ที่แปลกมากคือความมีอยู่ของคนอื่น ๆ เช่นนักปราชญ์ฝรั่งเป็นต้นที่กล่าวแล้ว ไม่มีใครไปตั้งข้อสงสัยว่าท่านเหล่านั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ แต่พอเรื่องความมีอยู่ของเจ้าชายพระองค์หนึ่งที่ทรงพระนามว่า สิทธัตถราชกุมารผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการตรัสรู้พระธรรม กลับมีคนสงสัยกันนี่ ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นฝรั่งและฝรั่งยืนยันว่าพระพุทธเจ้าเป็นฝรั่งที่มีตัวตนอยู่จริง คงไม่มีใครสงสัย เพราะสำหรับคนบางพวกนั้น ขอเพียงฝรั่งว่าเท่านั้นเชื่อถือกันได้ยังกับเป็นเทวโองการจากสวรรค์ ช่างน่าอนาถใจจริง ๆ
ความมีอยู่ของพระพุทธเจ้าในแง่ที่ทรงรอบรู้หรือตรัสรู้และสมบูรณ์ด้วยพระคุณตามที่พูดกันนั้น หากใช้ปัญญาพิจารณาด้วยความรู้สึกว่า “คนดีวิเศษนั้นหาได้มีเพียงชาติฝรั่งชาติเดียวไม่ โดยที่แท้ ท่านที่เป็นศาสดาของโลก ล้วนแล้วแต่เป็นคนเอเซียทั้งนั้น ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้นไม่ปรากฏว่าฝรั่งเด่นกว่าคนเอเซียในด้านความรู้ ความเข้าใจในเรื่องจิตใจ ศีลธรรม จรรยา สัจธรรม ฝรั่งเก่งในด้านวัตถุเท่านั้นและปัจจุบันนี้ไม่ปรากฏว่าฝรั่งสามารถควบคุมวัตถุที่ตนคิดค้นขึ้นมาได้ทุกอย่าง และมีอยู่ไม่น้อยที่วัตถุเหล่านั้นกำลังเป็นอันตรายต่อโลก”
ด้วยความรู้สึกดังกล่าวนั้นจะทำให้คนยอมรับความมีอยู่ของพระพุทธเจ้า ในด้านรูปธรรมและนามธรรมที่ท่านจัดเป็นพระคุณ ๓ ประการคือ
๑. พระปัญญาคุณ
เราทราบได้จากการศึกษาคำสั่งสอนของพระองค์ที่ทรงจำแนกแสดงไว้เป็นอันมาก ทั้งเรื่องทั่ว ๆ ไปจนถึงเรื่องที่เป็นปรมัตถธรรมอันยากแก่การเข้าใจ แต่ก็เป็นความจริงที่ ใคร ๆ ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เรายอมรับพระปัญญาของพระพุทธเจ้าในฐานะผู้สอนคำสอนเหล่านั้นเช่นเดียวกับการยอมรับความมีอยู่ของโสกราตีส เพลโต อริสโตเติ้ล เพราะผลงานทางปรัชญาในด้านต่างๆของท่าน
๒. พระบริสุทธิ์คุณ
คือพระองค์มีพระทัยบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส เราอาจทราบได้จากคำสอนพระพุทธจริยาของพระองค์เช่นทรงสรรเสริญ การบูชาด้วยการปฏิบัติตนเป็นคนดี สำหรับคนทั้งหลายผู้นับถือพระองค์ถือว่าเป็นการบูชาต่อพระองค์อย่างยอดเยี่ยม ทั้ง ๆ ที่การบูชาเช่นนั้น ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นผู้ได้รับผลโดยตรงด้วยตนเอง
ในขณะเดียวกันทรงแสดงว่าการบูชาด้วยวัตถุสิ่งของอันเป็นผลที่พระองค์และพระสงฆ์จะพึงได้รับโดยตรงว่าสู้การบูชาด้วยการปฏิบัติตนเป็นคนดีไม่ได้ คนมีจิตใจบริสุทธิ์อย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะพูดคำพูดในลักษณะที่ไม่ใส่ใจถึงประโยชน์ตนเช่นนี้ได้.
๓. พระมหากรุณาคุณ
คือการที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณามากนั้น เราจะพบว่างานเพื่อตนของพระพุทธเจ้านั้นทรงทำสำเร็จตั้งแต่เมื่อตรัสรู้แล้ว เวลาอีก ๔๕ ปี ภายหลังจากการตรัสรู้นั้น เป็นการทำงานเพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่คนทั้งหลาย โดยไม่ได้คำนึงถึงความเหนื่อยยากลำบาก ส่วนพระองค์แม้ทรงอาพาธหนักจวนปรินิพพานก็ยังทรงทำงานเพื่อคนอื่นจนวาระสุดท้าย คนที่ไม่มีจิตใจเต็มด้วยความกรุณาต่อคนอื่นไม่มีใครยอมลำบากตนเพื่อคนอื่นเช่นนี้หรอก
อีกประการหนึ่งความมีอยู่ของสถาบันสงฆ์ในประเทศต่าง ๆ สืบต่อกันมาอย่างมีระบบ มีกฎเกณฑ์ประวัติความเป็นมา ย่อมเป็นการแสดงว่าต้นเดิมที่สร้างสถาบันนี้ขึ้นมานั้น มีอยู่และท่านผู้นั้นเองที่เรียกกันว่า พระพุทธเจ้า
เรื่องพระพุทธเจ้ามีหรือไม่นั้นอย่าปฏิเสธด้วยเหตุเพียงว่าตนไม่เห็นตนไม่เชื่อ เพราะเรื่องในโลกนี้ทั้งในปัจจุบันและอดีตมีมากเหลือเกินที่เราไม่ได้เห็น แต่เราต้องเชื่อเพราะอาศัยปัจจัยในการเชื่ออย่างอื่น ๆ เช่นความมีอยู่ของปู่ของปู่ไม่มีใครเคยเห็นกันหรอก แต่ใคร ๆ ก็ไม่ปฏิเสธว่าปู่ของปู่ตนไม่มี เรื่องความมีอยู่ของพระพุทธเจ้าทั้งในด้านรูปธรรม และนามธรรมก็นัยเดียวกัน