ไม่มีขุนแผน ก็เจ้าชู้เหมือนเดิม
มีโยมผู้หญิงท่านหนึ่งเดินทางเข้ามาที่วัด หลังจากได้กราบพระสงฆ์สนทนาให้รู้ความเป็นมาแล้ว เธอก็กราบเรียนหลวงพ่อเจ้าอาวาสว่า
อุบาสิกา : หลวงพ่อเจ้าคะ หนูจะนำพระเครื่ององค์หนึ่งมาถวายไว้ที่วัด พระองค์นี้เป็นของสามีของดิฉันเอง เขาว่าเป็นพระขุนแผน เก็บไว้ที่บ้านไม่ได้ ให้สามีพกไม่ได้ สามีเจ้าชู้ตลอด เห็นสาวเล็กสาวใหญ่ไม่ได้ เป็นอันได้เรื่อง และชอบกลับบ้านดึกดื่น ไม่สนใจลูกเมียเลยเจ้าค่ะ
หลวงพ่อ : เจริญพรคุณโยม (จริง ๆ หลวงพ่อไม่ได้พูดนะ ผมเสริมเข้าไปให้เป็นแบบอย่างของภาษาเขียนเท่านั้น) บางทีอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระเครื่องหรือเครื่องรางใด ๆ นะ อาจจะเกี่ยวกับตัวของคุณโยมเอง ดูแลสามะดีมากน้อยแค่ไหน ทำหน้าที่ของภรรยาครบถ้วนตามแบบพระพุทธศาสนาและสมัยปัจจุบันหรือไม่ การแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าตา การพูดจา การทำกับข้าว การดูแลบ้าน ครบถ้วนสมบูรณ์ดีไหม เวลาสามารถกลับเข้าบ้านเราปฏิบัติตัวเช่นไร ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาน่าชื่นใจไหม หรือมิเช่นนั้น อาจจะเป็นที่ตัวสามีเองก็ได้ ที่เป็นคนมีธรรมชาติแบบนั้น คือเป็นคนเจ้าชู้เสียเอง การที่จะแก้ตัวเขานั้นอาจจะยากหน่อย แต่ให้เริ่มต้นที่แก้ที่ตัวเราก่อน
ผมฟังหลวงพ่อพูดไม่จบ มีอันต้องหลีกออกมา ปล่อยให้อุบาสิกาคนนั้นและคณะสนทนากับหลวงพ่อต่อไป ซึ่งผมก็เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสฟังหลวงพ่อกล่าวทั้งหมด
หลังจากที่กลับออกมา ผมมาพิจารณาดูแล้ว น่าจะจริงอย่างที่หลวงพ่อท่านกล่าว ความเจ้าชู้ของคนอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับพระขุนแผน พระเครื่อง หรือเครื่องรางของขลังใด ๆ แต่อาจจะเป็นที่นิสัยของคนนั้น ๆ ซึ่งมีธรรมชาติเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว คือคนเรามันชอบสิ่งนี้ ชอบเรื่องรักใคร่ ชอบของสวย ๆ งาม ๆ ชอบเสียงเพราะ ๆ ชอบกลิ่นหอมชื่นใจ ชอบรสชาติอะไรที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำเดิม ชอบสัมผัสจับต้องในสิ่งที่อ่อนนุ่มสวยงาม หรือตามภาษทางศาสนาก็คือ กามคุณห้า คือรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่น่าพอใจนั่นเอง
เรื่องกามคุณ เรื่องชอบในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่น่าพอใจ มันมีกันทุกคน และไม่มีวันตายในจิตใจของคน แม้จะอายุเป็นร้อยปีก็ไม่มีหมด ตัณหาไม่เคยกลับ ไม่เคยเต็มสำหรับความรู้สึกของคน มีแต่ถวิลหาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพียงแต่สังขารร่างกายอาจจะไม่อำนวจเท่านั้น แต่ความต้องการมันมีอยู่เสมอ
สรุป คือจะมีพระขุนแผน พระเครื่อง เครื่องราง หรือไมมีก็ตาม คนเราก็ยังสามารถเป็นคนเจ้าชู้ เจ้าเสน่ห์อยู่เช่นเดิม ถ้าไม่มีศีลธรรมมาเป็นตัวกำกับขัดขวางไว้ สังเกตได้จากข่าวในแต่ละวัน เกิดการทะเลาะตบตี หนักหน่อยก็ลงมาทำร้ายล่างกายจนถึงเสียชีวิต ความเจ้าชู้บ้าง เพราะความหึงหวงบ้าง มีกันทุกประเทศ แต่ประเทศไทยอาจจะมากหน่อย เพราะเราไปยกย่องคนเจ้าชู้อย่างขุนแผนเป็นพระเอก ความเจ้าชู้จึงคู่คนไทยมาแต่โบราณ แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ดี ทำลายตนเอง ครอบครัว สังคมหน้าที่การงานมามากต่อมากแล้ว
พระขุนแผนบ้านกร่าง ไม่เกี่ยวกับความเจ้าชู้
พระขุนแผนบ้านกร่าง ไม่เกี่ยวกับตัวขุนแผน เมื่อไม่เกี่ยวกับตัวขุนแผน พระจึงไม่เกี่ยวกับความเจ้าชู้ของคน เดิมทีพระเนื้อดินกรุบ้านกร่างพิมพ์นี้ผู้สร้างก็ไม่ได้ตั้งชื่อว่าเป็นพระขุนแผน ครั้งเมื่อพบแรก ๆ ก็ไม่ได้เรียกว่าพระขุนแผน ต่อมานักธุรกิจพระเครื่องทั้งหลาย ต้องการให้มีชื่อเสียง ขายได้ง่าย ถูกใจความเจ้าชู้ของคนจึงตั้งชื่อเรียกว่าพระขุนแผน (ประกานหนึ่ง เป็นพระเครื่องที่พบในจังหวัดที่เป็นถิ่นกำเนิดวรรณคดีขุนช้างขุนแผน) เมื่อตั้งชื่อว่าพระขุนแผน ปรากฏว่าได้ประสบการณ์ด้านนี้มากมาย ก็คนมันต้องการสิ่งนี้ สนใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว ทำไมจะไม่ได้ประสบการณ์ล่ะ แม้ไม่มีพระขุนแผนประสบการณ์ด้านเจ้าชู้มันก็มีเหมือนเดิมเพราะคนมันชอบมันแสวงหาในเรื่องรักใคร่อยู่แล้ว