มหาสมัย พระสูตรที่เทวดาชอบใจเป็นอย่างยิ่ง
มหาสมัยสูตร เป็นพระสูตรที่มีเนื้อหาขนาดยาว จัดอยู่ในมหาวรรค หมวดทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฏก มีอรรถกถาชื่อว่า สุมังคลวิลาสินี ซึ่งเป็นอรรถกถาหมวดทีฆนิกาย
ความเป็นมาแห่งมหาสมัยสูตร
มหาสมัยสูตรนี้พระพุทธเจ้าทรงแสดง ณ ป่ามหาวัน เขตเมืองกบิลพัสดุ์ ในแคว้นสักกะ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ 500 รูป ล้วนเป็นพระอรหันต์ มูลเหตุที่ทรงไปประทับใกล้กับนครกบิลพัสดุ์นั้น คัมภีร์สุมังคลวิลาสินีได้อธิบายไว้ว่า เนื่องจากเวลานั้นชาวศากยะและโกลิยะทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องแย่งน้ำในแม่น้ำโรหิณีเพื่อเข้าที่นา จนถึงขั้นเตรียมยกทัพเข้าประจันบานกัน
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าทรงทรงทราบว่า จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับพระญาติวงศ์ทั้งสอง จึงทรงเสด็จไปห้ามเหตุแห่งความขัดแย้งนั้น แล้วทรงแสดงพระธรรมเทศนา ทรงตรัสผันทนชาดก ทุททุภายชาดก และลฏุกิกชาดก เพื่อระงับการวิวาทของพระญาติทั้งสองฝ่าย และตรัสรุกขธรรมชาดก และวัฏฏชาดก เพื่อให้เกิดความสามัคคีพร้อมเพรียงกันว่า “หมู่ญาติยิ่งมากยิ่งดี ต้นไม้ที่เกิดในป่าแม้จะโตเป็นเจ้าป่า ถ้าตั้งอยู่โดดเดี่ยวย่อมถูกแรงลมพัดโค่นลงได้ และว่านกทั้งหลายมีความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ย่อมพาตาข่ายไปได”้ และในที่สุดก็ตรัส อัตตทัณฑสูตร จนกระทั่งพระญาติทั้ง 2 ฝ่ายละความบาดหมางกัน ทั้งยังบังเกิดศรัทธาถวายพระราชกุมารทั้ง 2 ฝ่าย ๆ ละ 250 องค์ รวมเป็น 500 องค์ เพื่อออกผนวช ณ ป่าใหญ่ คือป่ามหาวันนั่นเอง แล้วทรงสั่งสอนอบรมจนกระทั่งพระภิกษุทั้ง 500 รูปนั้นสำเร็จเป็นอรหันต์ทั้งหมด ระหว่างที่พระศาสนดา และอรหันต์ทั้ง 500 รูป อยู่ที่ป่ามหาวันนั้น บรรดาเทพยดาทั้งหลายในป่านั้นได้ประกาศแก่เทพยดาทั้ง 10 โลกธาตุมาประชมกันครั้งใหญ่เพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ จึงเรียกพระสูตรนี้ว่า “มหาสมัย แปลว่า การประชุมใหญ่”
เนื้อหาของมหาสมัยสูตรนั้นอาจแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกกล่าวถึงการปรากฎของเทวดาที่มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ ป่ามหาวัน จนกลายเป็นการชุมนุมใหญ่ของเทพยดาทั้งหลาย ส่วนที่ 2 พระพุทธเจ้าทรงบอกนามของพวกเทวดาเหล่านั้นให้ภิกษุทั้งหลายได้ทราบ ซึ่งส่วนนี้พระพุทธองค์ทรงแสดงเป็นร้อยกรอง คือ คาถา ซึ่งมีความยาวพอสมควร พระองค์โดยทรงไล่นามของเทวาดตามชั้นต่าง ๆ ลำดับต่าง ๆ แสดงลักษณะรูปร่างต่าง ๆ ให้ทราบ
เทวดาที่ประชุมกันในมหาสมัย มีพวกไหนบ้าง
- พวกยักษ์ (เทวดาจำพวกหนึ่ง เป็นบริววารท้าวกุเวรหรือท้าวเวสสุวรรณ)
- พวกเทพจตุโลกบาล
- บ่าวของท้าวโลกบาลและท้าวเทวราช
- ราชา (เทวดา)และคนธรรพ์
- เหล่านาคและครุฑ
- ช้างเอราวัณ (เทพบุตร)
- พวกอสูร (เทวดาจำพวกหนึ่ง ไม่ใช่อสุรกาย)
- เทวนิกาย 60
- พวกพรหม
ในมหาสมัยไม่มีข้อธรรม เทวดาบรรลุธรรม เพราะฟังธรรมอะไร
ในมหาสมัยสูตรเอง เท่าที่ทราบ ไม่มีหัวข้อธรรม เป็นพระสูตรกล่าวถึงการประชุมเทวดา และพระศาสดาทรงประกาศรายชื่อของเทวดาที่มาประชุมกันนั้นให้พระภิกษุได้รับทราบ แต่กล่าวว่า เทวดาจำนวนหนึ่งแสนโกฏิได้บรรลุอรหันตผลแล้ว ส่วนที่บรรลุอนาคามิผล สกทาคามิผล โสดาปัตติผล นับไม่ได้ ตกลงเทวดาบรรลุธรรมเพราะฟังธรรมอะไรกันแน่ หรือแค่มาประชุมกันแล้วฟังประกาศรายชื่อแล้วบรรลุธรรมอย่างนั้นหรือ ?
ทราบมาว่า แท้จริงแล้ว ครั้งนั้น พระศาสดาทรงแบ่งพวกเทวดาทั้งหมดที่มาประชุมกันนั้นเป็น 2 พวก คือพวกภัพพะและพวกอภัพพะ
พวกอภัพพะนั้น แม้พระพุทธเจ้าร้อยพระองค์ทรงแสดงธรรมก็ไม่อาจตรัสรู้ได้ ส่วนพวกที่เป็นภัพพะสามารถรู้ธรรมได้
พระพุทธเจ้าทรงละพวกอภัพพะเสีย แล้วรวบรวมเอาแต่พวกภัพพ แล้วทรงแบ่งพวกภัพพพออกเป็น 6 พวก ตามอำนาจจริต คือ พวกราคจริต โทสจริต โมหจริต วิตกจริต สัทธาจริต และพุทธจริต พระองค์ทรงแสดงธรรมตามจริตนั้น ๆ ได้แก่
พวกราคจริต จักแสดง สัมมาปริพพาชนียสูตร
พวกโทสจริต จักแสดง กลหวิวาทสูตร
พวกโมหจริต จักแสดง มหาวิยูหสูตร
พวกวิตกจริต จักแสดง จูฬวิยูหสูตร
พวกสัทธาจริต จักแสดง ตุวัฏฏกสูตร
พวกพุทธจริต จักแสดง ปุราเภทสูตร
พระองค์ทรงเนรมิตพระพุทธนิรมิตที่เหมือนกับพระองค์เพื่อถามปัญหาแล้ว จึงทรงปรารภว่าเพราะผู้ที่ยังไม่ถึงความสิ้นอาสวะ จะชื่อว่าเว้นโดยชอบไม่มี
ความพิเศษของมหาสมัยสูตร
- เป็นสูตรที่เทวดาชื่นชอบ เพราะเทวดาต่างคิดว่าพระพุทธเจ้าตรัสคำนี้เฉพาะตน ๆ หรือตนมีส่วนร่วมในพระสูตรนี้ (ถ้าเทียบกับคนแล้ว เมื่อถูกเอ่ยชื่อหรือประกาศรายชื่อในการทำบุญสร้างวัด คนก็มักมีใจยินดีว่า ตนมีส่วนร่วมในการสร้างวัดนั้น ๆ)
- เทวดาจำนวนหนึ่งแสนโกฏิได้บรรลุอรหันตผลแล้ว ส่วนที่บรรลุอนาคามิผล สกทาคามิผล โสดาปัตติผล นับไม่ได้
- พระสูตรที่เป็นธัมมาภิสมัย หมายถึงพระสูตรเมื่อแสดงออกมาแล้ว มีเทวดาบรรลุมรรคผลกันมาก อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 18 โกฏิ อย่างมากก็คือไม่สามารถจะนับจำนวนได้ มีอยู่ 6 สูตร คือ
1. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
2. มงคลสูตร
3. มหาสมัยสูตร
4. ราหุโลวาทสูตร
5. ปราภวสูตร
6. สมจิตตสูตร - ในยุคของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีการประชุมเทวดาจำนวนมากเช่นนี้ก็เพียงครั้งเดียว
- จากเหตุการการณ์ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปห้ามพระญาติแย่งน้ำกันจึงเป็นที่มาของพระพุทธรูปปางห้ามญาติ
เทพธิดาฟังพระสวดมหาสมัยสูตร
มีเรื่องเล่าว่า ที่วัดโกฏิบรรพต มีเทพธิดาองค์หนึ่งอยู่ที่ต้นกากะทิง ใกล้ประตูถ้ำกากะทิง ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งท่องมหาสมัยสูตรภายในถ้ำ เทพธิดาองค์นั้นได้ฟังแล้ว ในเวลาจบพระสูตรเทพธิดาก็ได้ให้สาธุการด้วยเสียงอันดัง
ภิกษุหนุ่มจึงถามว่า “นั่นใคร”
เทพธิดาตอบว่า “ดิฉันเป็นเทพธิดาเจ้าค่ะ”
ภิกษุหนุ่มถามอีกว่า “ทำไมจึงได้ให้สาธุการ”
“ท่านเจ้าคะ ดิฉันได้ฟังพระสูตรนี้ในวันที่สมเด็จพระทศพลประทับนั่งแสดงในป่ามหาวัน วันนี้ได้ฟังอีก ธรรมบทนี้ท่านถือเอาดีแล้ว เพราะไม่ทำให้อักษรแม้ตัวเดียวคลาดจากคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ที่ป่ามหาวันเมื่อครั้งโน้นเลย”
ภิกษุถามอีกว่า “เมื่อพระทศพลกำลังแสดงอยู่ คุณได้ฟังหรือ”
“อย่างนั้น เจ้าค่ะ”
“เขาว่าเทวดาเข้าประชุมมาฟังกันมาก แล้วคุณยืนฟังที่ไหน”
“ท่านเจ้าคะ ดิฉันเป็นรุกขเทวดาอยู่ในป่ามหาวัน มีศักดิ์น้อย ก็เมื่อเทวดาชั้นผู้ใหญ่กำลังพากันมา ดิฉันไม่ได้ที่ว่างในชมพูทวีปเลย ต้องถอยร่นไปสู่ตามพปิณณิทวีป ยืนริมฝั่งที่ท่าชัมพูโกล แต่แม้จะถอยมาถึงท่านั้นแล้วก็ตาม เมื่อเทวดาชั้นผู้ใหญ่ทยอยมาเพิ่ม ดิฉันก็ต้องถอยร่นมาโดยลำดับ แช่น้ำทะเลลึกแค่คอ ทางส่วนหลังของหมู่บ้านใหญ่ในจังหวัดโรหณะ แล้วก็ยืนฟังในที่นั้น”
“จากที่ซึ่งคุณยืนอยู่มันไกลนัก แล้วคุณเห็นพระศาสดาหรือ เทพธิดา”
“ทำไมจะไม่เห็นท่าน ด้วยพุทธานุภาพนั้น ดิฉันรู้สึกว่า พระศาสดาซึ่งกำลังทรงแสดงธรรมอยู่ในป่ามหาวัน ทรงแลดูดิฉันโดยเฉพาะเจาะจงอยู่เสมอ จนดิฉันรู้สึกเกรงและละอาย”
ภิกษุจึงถามต่อว่า “เขาเล่าว่า วันนั้นมีเทวดาแสนโกฏิสำเร็จพระอรหัตผล แล้วคุณล่ะตอนนั้นได้สำเร็จพระอรหัตผลด้วยหรอกหรือ”
“ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ”
“สำเร็จอนาคามิผล กระมัง”
“ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ”
“เห็นจะสำเร็จสกิทาคามิผล กระมัง”
“ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ”
“เขาว่า พวกเทวดาที่สำเร็จมรรคผลตั้งแต่โสดาบันไปจนถึงอนาคามีนั้นไม่สามารถนับจำนวนได้ แล้วคุณล่ะเทพธิดา สงสัยจะได้บรรลุโสดาบันกระมัง”
ซึ่งความจริง ในวันนั้นเทพธิดาองค์นี้ได้บรรลุโสดาปัตติผล เมื่อถูกภิกษุถามเจาะจงเข้าจึงรู้สึกเขินอาย เทพธิดาจึงได้กล่าวตัดบทว่า “พระคุณเจ้าไม่น่าถามซอกถามแซก”
ลำดับนั้น ภิกษุนั้นจึงกล่าวกับเทพธิดาว่า “นี่แน่ะ คุณเทพธิดา คุณจะสามารถแสดงกายให้อาตมาเห็นได้หรือไม่”
เทพธิดาตอบว่า “จะแสดงหมดทั้งตัวไม่ได้หรอกค่ะท่านผู้เจริญ ดิฉันจะแสดงแก่พระคุณเจ้าแค่ข้อนิ้วมือ” ว่าแล้ว เทพธิดาก็เอานิ้วสอดเข้าไปในถ้ำ นิ้วมือก็ปรากฏแก่ภิกษุนั้นเหมือนกับว่าพระจันทร์พระอาทิตย์ขึ้นเป็นพันๆ ดวง เทพธิดากล่าวว่า “จงอย่าประมาทในธรรมนะ ท่านเจ้าคะ” แล้วไหว้ภิกษุหนุ่ม ก่อนจากไป
ควรสวดมหาสมัยสูตรเมื่อไร
ในสุมังคลวิลาสินี พระอรรถกถาจารย์แนะนำว่า “มหาสมัยสูตรนี้ เป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดา ในสถานที่ใหม่เอี่ยม เมื่อจะกล่าวมงคลกถา ควรสวดพระสูตรนี้” หมายความว่าในสถานที่สำคัญที่จะประกอบกิจใหม่ หรือในสถานใดที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ ๆ เมื่อจะสวดมงคลกถาในสถานที่เช่นนี้ควรสวดมหาสมัยสูตรนี้
ทำไมไม่ควรสวดมหาสมัยสูตรในบ้าน
เหตุว่า บ้านเป็นสถานที่ไม่เรียบร้อย ไม่สงบ เต็มไปด้วยหมู่มนุษย์ที่อาศัยอยู่มาช้านาน เป็นที่ส่งกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจสำหรับเทวดาทั้งหลาย ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงแนะนำให้สวดมหาสมัยในสถานที่ใหม่เอี่ยม เช่น ในป่า ในถ้ำ ในเขา ในที่สะอาดใหม่เอี่ยม หรือในวัด
สวดมหาสมัยสูตรเพื่ออะไร
มหาสมัยสูตรนี้เป็นที่รักที่ชอบใจของพวกเทวดา เทวดาทั้งหลายต่างก็คิดว่าพระสูตรของตน เมื่อสวดพระสูตรนี้จะทำให้เหล่เทวดาทั้งหลายประชุมกัน เมื่อเทวดาประชุมกันก็จะทำให้สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายถอยห่างออกไป เป็นการป้องกันสิ่งที่ไม่ดีไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเรานั้นเอง หรือบางท่านมีความเชื่อว่าเมื่อเทวดามาประชุมกันแล้วก็ขอพรในสิ่งที่ตนปรารถนา
ทำไมเทวดาจึงชอบมหาสมัยสูตร
- เพราะเป็นสูตรที่กล่าวถึงเทวดามาประชุมกันมากที่สุด มีเทวดาชั้นผู้ใหญ่ ผู้น้อย ในสิบโลกธาตุ
- เป็นพระสูตรหรือเหตุการณ์ที่เทวดาบรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก
- เป็นพระสูตรที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเอ่ยรายนามเทวดา
- เทวดามีความรู้สึกว่า พระผู้มีพระภาคตรัสพระสูตรนี้เพื่อตน
ที่มา :
มหาสมัยสูตร : https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=10&A=5540&Z=5726#pali
อรรถกามหาสมัยสูตร : https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=235
มหาสมัย : https://th.wikipedia.org/wiki/มหาสมัย
เทพชุมนุม – มหาสมัยสูตร : https://uttayarndham.org/node/431
มหาสมัยสูตร : https://sites.google.com/site/gotodhama/mha-smay-sutr