ขณะนี้เวลาตีสองสามสิบสี่นาที เปลือกตาของฉันทำท่าจะปิดเพราะทนพิษความง่วงไม่ไหว ครั้งแล้ว ครั้งเล่า… มันพยายามกดดันตัวเองให้คล้อยหย่อนลงเพื่อให้ปิดสนิทมิดดวงตา แต่ขณะเดียวกัน ในใจของฉันกลับต่อต้านอย่างหนักเพื่อที่จะทัดทานกับความง่วง เพราะอะไรทำไมถึงนอนไม่หลับ.. ไม่สิ ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่นอนไม่หลับนะ จริงๆ ง่วงมากแล้วต่างหาก ถ้าเอาหัวโยนใส่หมอน ณ ตอนนี้สาบานเลยค่ะว่าร่างกายของฉันจะชัตดาวน์ตัวเองและปิดตาหลับสนิททันที พร้อมฝันเป็นตุเป็นตะไม่รู้ถึงไหนต่อไหน แต่คืนนี้ฉันคงไม่.. ไม่ฝันถึงเรื่องอันใดแน่ เพราะ 2-3 วันที่ผ่านมา ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่แสนเหนื่อยหนัก กระทั่งวันนี้ เรื่องราวหนักๆ และวงจรอุบาทว์ไร้สาระก็พัดผ่านเข้ามาในชีวิต ราวกับเกลียวคลื่นที่รอจังหวะจู่โจมโหมซัดปราสาททรายที่กำลังก่อ ให้ล้มครืนพิยาศยับภายในพริบตา เพราะเหตุนี้ ฉันจึงมั่นใจว่าหลับตาคืนนี้ คงหลับสนิทไม่มีแอบไปคิดฝันเพ้อเจ้อเหมือนคืนอื่นๆ เป็นแน่
ฉันรู้สึกอย่างนั้น.. และเมื่อหวนเอาใจกลับไปนึกถึงหรือเอาความรู้สึกไปแขวนไว้กับปัญหาต่างๆ นานา ยิ่งคิดความทุกข์และความเหนื่อยล้าก็ยิ่งประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน ปรารถนาเหลือเกินว่า หากหลับตาคืนนี้ไปแล้ว รุ่งเช้าของวันใหม่ ฉันจะพบกับท้องฟ้าสีฟ้า ฟ้าสวยแดดใส เห็นดอกไม้ผลิบานยามเช้า แสงแดดอ่อนสาดส่องทะลุม่านเข้ามาแยงเปลือกตาเพื่อบอกข่าวดีให้รู้ว่า ‘วันนี้แก้วใสรอดชีวิตมาแล้วอีกวัน’ มันเป็นของขวัญของชีวิตอย่างหนึ่ง ก่อนนอนทุกครั้งฉันมักจะแอบคาดหวังว่าวันพรุ่งนี้จะต้องสวยงามกว่าวันวานหรือวันนี้ แต่บางทีใครเลยจะรู้ว่าขณะเรานอนหลับ เราอาจจะไม่ได้ตื่นลืมตามาพบวันใหม่อีกเลยก็ได้ ใครจะไปรู้ความแน่นอนของชีวิตละจริงมั้ย บางทีโชคชะตาอาจกำหนดให้เรามีชีวิต มีลมหายใจได้แค่ภายในคืนนี้ สิ้นสุดคืนนี้ไปแล้ว เราอาจจะเดินทางไปยังโลกใหม่ โลกใบที่ไม่มีคนที่เรารัก ไม่มีคนรู้จักให้อุ่นใจอีกเลยก็เป็นได้
ฉันเลยคิดนะว่าหากหลังจากที่นอนหลับตาไปแล้วคืนนี้ ปรารถนาลึกๆ เสมอว่า หากพรุ่งนี้ฉันโชคดีก็ขอให้ได้ลืมตามาพร้อมลมหายใจ ได้เห็นแสงตะวันสาดส่อง ได้ขยับตัวเคลื่อนไหวร่างกายและสื่อสารกับคนรอบตัวได้ปกติ ขอให้ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ เพราะฉะนั้น การได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกวัน คือ ของขวัญจากฟ้าที่ประทานมาให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีค่าต่อไปอีกวัน ถ้าเราคิดเช่นนั้น.. วันนี้เราย่อมมีพลังในการต่อสู้มรสุม มีเรี่ยวแรงในการเผชิญหน้ากับทุกปัญหา ไม่หวาดหวั่นกับทุกอุปสรรคตรงหน้า เหมือนในวันที่ฉันท้อแล้วใครคนหนึ่งบอกว่า “ท้อแล้วได้อะไร ยอมแพ้แล้วได้อะไร ชีวิตจะมีอะไรดีขึ้นมา… ยังไงชีวิตก็ต้องก้าวเดินต่อไป” ใช่! ใครคนนั้นพูดถูก คำพูดเตือนสติของเขาช่วยฉุดฉันให้ตื่นจากภวังค์ความเศร้าได้เสมอ เพราะในนาทีที่ความรู้สึกของฉันกำลังโยนตัวเองลงเหวลึกด้วยสภาพจิตใจที่กำลังอ่อนแอและแพ้ราบคาบ แต่เขา… กลับเข้ามาเรียกสติ ดึงฉันให้กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง แม้ว่าหนทางอาจจะตัน แต่… มันก็ย่อมมีทางออก ทุกปัญหาล้วนมีทางแก้เสมอ และคำพูดของเขาก็ไม่เคยผิดเพี้ยนแต่อย่างใด และฉันก็อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า “กำลังใจจากเขาจะไม่เสียเปล่าแน่”
แต่คืนนี้… เปลือกตาของฉันทำท่าจะปิดแล้วสิ หันกลับมาถามใจตัวเองพลางแอบตระหนักคิดเล็กน้อย วันนี้ฉันทำเพื่อคนที่ฉันรักดีพอหรือยังนะ วันนี้ฉันทำเพื่อตัวเองดีแล้วหรือยัง มีอะไรบ้างที่ยังไม่ได้ทำและอยากทำ หากพรุ่งนี้สวรรค์เมตตาปราณีต่อ ฉันจะรับปากตัวเองและทำตามสิ่งที่ปณิธานเอาไว้ให้สำเร็จให้ได้
‘ตราบใดที่การปิดเปลือกตาคือการปิดสวิทต์อำลาปัญหาเพื่อพักผ่อนเติมพลังให้ชีวิต การเปิดเปลือกตาขึ้นในเช้าวันใหม่ก็ย่อมเป็นวันที่เปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาล และการยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม นั่นต้องไม่ใช่สิ่งที่ชีวิตควรตั้งโปรแกรมประเดิมหลังจากกล่าวอรุณสวัสดิ์รับเช้าวันใหม่’