พระนามต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้า
พระนามของพระพุทธเจ้าเหล่านี้ บางพระนามใช้เรียกเฉพาะพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้เท่านั้น บางพระนามสามารถใช้ได้กับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เพราะเรียกตามพระคุณสมบัติ ตามพระคุณลักษณะของพระองค์ที่เรียกว่าเป็นเนมิตกนาม พอประมวลได้ดังนี้
๑.พระบรมโพธิสัตว์, พระโพธิสัตว์ หมายถึงท่านผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งกำลังบำเพ็ญพระบารมี ๑๐ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐาน เมตา อุเบกขา
๒.อังคีรส หมายถึง ผู้มีรัศมีแผ่ซ่านจากพระกาย เป็นพระนามแรก เมื่อพราหมณ์ ๘ คน ผู้ทำหน้าที่ถวายพระนามและทำนายพระลักษณะของพระกุมาร กล่าวถึงเมื่อพินิจจากลักษณะแรกพบเห็น
๓.สิทธัตถกุมาร เป็นพระนามที่พราหมณ์ทั้ง ๘ คนผู้ทำหน้าที่ถวายพระนามและทำนายพระลักษณะของพระกุมาร ตั้งถวาย “สิทธัตถะ” แปลว่า มีความต้องการสำเร็จ หรือสำเร็จตามที่ต้องการ คือสมประสงค์จะต้องการอะไรได้หมด
บางท่านกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่าพระพุทธเจ้ามีพระนามเดิมว่าอะไร แต่ที่ยอมรับพระนาม สิทธัตถะ กันทั่วไปก็เนื่องจากเป็นชื่อที่พบในคัมภีร์พระไตรปิฎก และอรรถกถา ซึ่งเขียนขึ้นในภายหลังมีใจความว่า เมื่อพระนางสิริมหามายาประสูติพระกุมารผู้มีบุคลิกลักษณะสมเป็นมหาบุรุษแล้วได้ ๕ วัน พระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดาได้ประชุมพราหมณ์ผู้มีความสามารถในทางพยากรณ์มาพยากรณ์พระชะตาและถวายพระนามแก่พระกุมาร พราหมณ์ทั้งหลายเห็นลักษณะมงคลต่างๆ ของพระกุมาร จึงถวายคำพยากรณ์ว่า หากกุมารนี้ไม่ได้ออกผนวชจะได้เป็นมหาจักรพรรดิแห่งโลก หากออกผนวชก็จะได้เป็นศาสดาที่ยิ่งใหญ่ จึงพร้อมใจกันถวายพระพรว่า สิทธัตถะ แปลว่า ขอทรงเป็นผู้สมปรารถนา คำว่า สิทธัตถะ”
ผมไม่แน่ใจว่า คำว่า “จึงพร้อมใจกันถวายพระพร ” แปลมาจากศัพท์ไหนของภาษาบาลี (ไม่ได้บอกว่าแปลผิด แต่ไม่รู้ว่าบาลีใช้ศัพท์ไหน ยังไม่ได้ค้นดู) เป็นไปได้ไหมการที่พร้อมใจกันถวายพระพรนั่นแหล่ะคือการถวายนามเรียกขานพระกุมาร
๔.สิทธัตถะ , เจ้าชายสิทธัตถะ , พระสิทธัตถะ พระนามเดิมของพระพุทธเจ้าก่อนเสด็จออกบรรพชา
๕.พระมหาบุรุษ หมายถึง บุรุษผู้ยิ่งใหญ่เป็นคำใช้เรียกพระพุทธเจ้าเมื่อก่อนตรัสรู้ (หลังเสด็จออกบรรพชา บำเพ็ญทุกกรกิริยาก่อนตรัสรู้)
๖.โคดม , โคตมะ , พระโคดม ,พระโคตมะ , พระสมณโคดม, โคดมพระพุทธเจ้า หมายถึง ชื่อตระกูลของพระพุทธเจ้า มหาชนเรียกพระพุทธเจ้าตามพระโคตรของพระองค์
มีผู้อธิบายเพิ่มเติมว่า “มาจากคำภาษาบาลีว่า สมณ กับ โคตม หมายถึง พระสมณะผู้อยู่ในตระกูลโคตมะ คำว่า โคตม เป็นชื่อพระฤาษีตนหนึ่ง เป็นบรรพบุรุษรุ่นแรกๆ ของมนุษย์ มีลูกหลานมาก ผู้ที่สืบสกุลมาจากฤาษีโคตมจะใช้ชื่อสกุลว่า โคตม หรือเรียกว่าเป็น โคตมโคตร คนอินเดียสมัยก่อนมักนิยมบอกชื่อสกุลของตน เพื่อให้รู้ว่าสืบเชื้อสายมาจากใคร เป็นลูกของใคร เป็นคนมาจากถิ่นไหน คำว่า พระสมณโคดม จึงเป็นพระนามที่ใช้เพื่อยกย่องตระกูลของพระองค์ด้วย”
๗.ตถาคต พระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า เป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกหรือตรัสถึงพระองค์เอง แปลได้ความหมาย ๘ อย่าง ดังนี้ ๑. พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น ๒. พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น ๓. พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ ๔. พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น ๕. พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น ๖. พระผู้ตรัสอย่างนั้น ๗. พรุผู้ทำอย่างนั้น ๘. พระผู้เป็นเจ้า
๘.พระทศพล หมายถึง ผู้ทรงมีพระญาณอันเป็นกำลัง ๑๐ ประการ
๙.ธรรมกาย หมายถึง ผู้มีธรรมในกาย เป็นพระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า
๑๐.ธรรมราชา คือพระราชาแห่งธรรม หมายถึงพระพุทธเจ้า ส่วนพระธรรมเสนาบดี หมายถึงพระสารีบุตร
๑๑.ธรรมสวามิศร, ธรรมสามิสร คือผู้เป็นใหญ่โดยฐานเป็นเจ้าของธรรม หมายถึงพระพุทธเจ้า
๑๒.ธรรมสามี คือ ผู้เป็นเจ้าของธรรม เป็นคำเรียกพระพุทธเจ้า
๑๓.ธรรมิศราธิบดี คือ ผู้เป็นอธิปดีโดยฐานเป็นใหญ่ในธรรมเป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า
๑๔.บรมศาสดา, พระบรมศาสดา คือ ศาสดาที่ยอดเยี่ยม พระผู้เป็นครูสูงสุด พระบรมครู หมายถึง พระพุทธเจ้า
๑๕.พระผู้มีพระภาคเจ้า หมายถึง พระนามของพระพุทธเจ้า แปลมาจาก ภควา
๑๖. พระพุทธเจ้า, พุทโธ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
๑๗.พระศาสดา หมายถึงผู้สอนเป็นพระนามเรียกพระพุทธเจ้า
๑๘. พระจอมมุนี จอมนักปราชญ์ ผู้เป็นใหญ่ในหมู่นักปราชญ์ หมายถึงพระพุทธเจ้า
๑๙.พระสัมพุทธเจ้า, พระสัมมาสัมพุทธเจ้า,พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า,สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระผู้ตรัสรู้เอง หมายถึงพระพุทธเจ้า พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม, ท่านผู้รูดีรู้ชอบด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
๒๐. ภควา คือ พระนามของพระพุทธเจ้า แปลว่า ทรงเป็นผู้มีโชค คือหวังพระโพธิญาณก็ได้สมหวัง ประกาศพระศาสนาก็ชักจูงผู้คนให้ได้บรรลุธรรมสมปรารถนา มีผู้คิดร้ายก็ไม่อาจทำร้ายได้ คำแปลอีกนัยหนึ่งว่า ทรงเป็นผู้จำแนกแจกธรรม
๒๑. มหาสมณะ พระสมณะผู้ยิ่งใหญ่ เหนือสมณะทั้งปวง พระนามหนึ่งสำหรับเรียกพระสัมพุทธเจ้า
๒๒. โลกนาถ, พระโลกนาถ ผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก หมายถึงพระพุทธเจ้า
๒๓.สยัมภู,พระสัมภู พระผู้เป็นเอง คือตรัสรู้ได้เองโดยไม่มีใครสั่งสอน หมายถึงพระพุทธเจ้า
๒๔.สัพพัญญู, พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า หมายถึง ผู้รู้หมด,ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ พระนามของพระพุทธเจ้า
๒๕.พระสุคต,พระสุคโต หมายถึง ผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นพระนามของพระพุทธเจ้า
๒๖.พระศากยมุนี ผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวศกะ หรือบาลีว่า สักกะ
๒๗.พระสรรเพชญ์ ผู้รอบรู้ ผู้รู้ทุกสิ่ง เป็นพระนามเรียกพระพุทธเจ้า
๒๘.พระจอมไตร ผู้เป็นใหญ่ในสามภพ (กามภพ รูปภพ อรูปภพ) หมายถึงพระพุทธเจ้า
๒๙.พระชินวร พระผู้ชนะอันประเสริฐ เป็นพระนามหนึ่งของพระพุทธเจ้า
๓๐.พระพุทธชินสีห์, พระชินสีห์ พระพุทธเจ้าผู้ชนะมารมีความอาจหาญประดุจราชสีห์
๓๑.พระมหามุนี มุนีผู้ยิ่งใหญ่
๓๒.พระศรีศาสดา พระศาสดาผู้งดงาม, พระศาสดาผู้เป็นมิ่งขวัญมงคล
๓๓.พระชินศรี พระพุทธเจ้าผู้ชนะ(มาร)ผู้มีสิริ
๓๔.พระมหาวีระ ผู้มีความเพียรใหญ่
เป็นอีกคำหนึ่งที่ใช้แทนชื่อพระพุทธเจ้า ในครั้งที่ท้าวสหัมบดีพรหมได้ทูลอาราธนาพระพุทธองค์ให้แสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์นั้น ท้าวสหัมบดีพรหมได้ประพันธ์คาถามีใจความตอนหนึ่งว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียร ทรงชนะสงคราม ผู้นำหมู่ หาหนี้มิได้ ขอพระองค์จงทรงอุตสาหะเที่ยวไปในโลกเถิด ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรม เพราะสัตว์รู้ทั่วถึงธรรมจักมี”
เทียบกับภาษาบาลี ดังนี้
“อุฏฺเฐหิ วีร วิชิตสงฺคาม สตฺถวาห อนณ วิจร โลเก เทสสฺสุ ภควา ธมฺมํ อญฺญาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ”
๓๕.พระวิชิตมาร, พระพิชิตมาร คือผู้ชนะมาร หมายถึงพระพุทธเจ้า
๓๖.พระวิชิตสงคราม ทรงพระนามว่า วิชิตสงคราม เพราะทรงชำนะเทวบุตรมาร มัจจุมาร กิเลสมารและอภิสังขารมาร
๓๗.พระสัตถวาหะ ทรงพระนามว่า สัตถวาหะ เพราะทรงสามารถช่วยหมู่สัตว์ให้พ้นจากกันดาร มีชาติกันดาร เป็นต้น
๓๘.
ที่มาบางส่วน
ที่มา พระนามต่างๆของพระพุทธเจ้า