ภรรยาใส่บาตร สามีจะได้บุญด้วยไหม ?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อน ต้องว่ากันที่ละขั้นตอน ต้องมีคำอธิบายว่าได้บุญเพราะอะไร ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า
- บุญต้องทำเอง (การฝากทรัพย์ให้คนอื่นทำบุญ คือตนเป็นเจ้าของทรัพย์และมีเจตนาสละทรัพย์นั้นด้วยตนเอง ก็สำเร็จเป็นการให้ทานแล้ว เหมือนการทำด้วยตนเอง)
- บุญบาปสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต ทุกขณะการกระทำ
กลับมาที่คำถามที่ว่า “ภรรยาใส่บาตร สามีจะได้บุญด้วยไหม ?” ต้องแยกตอบเป็นประเด็นไป
- ถ้าทรัพย์นั้นเป็นของภรรยา เช่น ภรรยาทำงานเก็บเงินเองแล้วซื้อกับข้าวใส่บาตร หรือถวายสังฆทานโดยที่สามีไม่ได้รับรู้ด้วย สามีไม่มีส่วนแห่งบุญนั้น แต่ถ้าสามีรับทราบ และอนุโมทนาด้วย สามีได้บุญเพราะการอนุโมทนา แต่ไม่ได้บุญเพราะการให้ทาน เพราะสามีไม่มีส่วนในทรัพย์นั้น
- ถ้าทรัพย์นั้นเป็นของสามีหรือทรัพย์นั้นเป็นของร่วมกัน ภรรยาทำบุญโดยไม่บอกสามี สามีก็ไม่มีส่วนแห่งทานนั้น (ยกเว้นสามีตั้งเจตนาไว้ตั้งแต่ตอนหาทรัพย์หรือตอนมอบทรัพย์ให้ภรรยา) ฉะนั้น ภรรยาจึงควรบอกสามีว่านำทรัพย์ที่เขาหาได้หรือที่หาร่วมกันมาทำบุญ ให้เขายินดีในการสละทรัพย์นั้นเป็นทาน และอนุโมทนาในบุญนั้น เขาก็จะได้มีส่วนในการให้ทานและการอนุโมทนาบุญ (บุญจะเกิดเพราะการให้ทานและการอนุโมทนาบุญ)
แต่หากอยากให้ฝ่ายหนึ่งทำบุญแล้วอีกฝ่ายหนึ่งได้บุญด้วย ก็ให้ตั้งเจตนาว่า
- หากภรรยา(หรือสามี) ของข้าพเจ้าทำบุญใด ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญนั้น (ถ้าทรัพย์นั้นไม่ใช่ของเราหรือไม่ใช่ทรัพย์ร่วมกัน ได้บุญเพราะการอนุโมทนาบุญอย่างเดียว แต่ไม่ได้เพราะการให้ทาน เพราะเราไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ข้อนี้ก็ไม่แตกต่างจากการอนุโมทนาบุญที่คนอื่นทำ)
- เมื่อมอบทรัพย์ให้แก่ภรรยา หรือเป็นทรัพย์เกิดจากธุรกิจร่วมกัน ให้ตั้งเจตนาว่า หากภรรยาให้ทานด้วยทรัพย์ที่ข้าพเจ้าหามาหรือหรือทรัพย์ร่วมกันที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์นี้ ข้าพเจ้าขอมีส่วนแห่งบุญนั้นด้วย
เป็นความฉลาดของคนเฒ่าคนแก่ผู้มีใจบุญ เมื่อพวกเขาทำไร่ทำนา หรือทำการค้าขาย มักจะพูดว่า “ขอให้พอได้กินได้ทาน” คือตั้งเจตนาร่วมกันแล้วว่าทรัพย์ที่จะได้มานั้น เพื่อเลี้ยงชีพและให้ทาน ถ้าตั้งเจตนาร่วมกันแบบนี้แล้ว แม้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำทรัพย์นั้นไปให้ทาน อีกฝ่ายหนึ่งก็มีส่วนแห่งทานนั้น มีส่วนแห่งบุญอันเกิดจากทานนั้น แต่จะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความยินดีในทานนั้น ฉะนั้น เมื่อให้ทานแล้วควรบอกฝ่ายหนึ่งให้ยินดีในทานนั้นด้วย
เรื่องบุญ บาป หรือ กรรม การให้ผลของกรรม เป็นเรี่องที่ละเอียดอ่อน ผมอาจจะอธิบายผิดพลาดก็ได้ เพราะผมเองไม่ใช่เป็นผู้กำหนดว่าใครได้บุญหรือบาป (พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เป็นผู้ตัดสินว่าใครได้บุญบาป แต่พระองค์ทรงทราบว่าใครได้บุญหรือบาป)