การให้ดอกกุหลาบเพื่อเป็นสิ่งแทนใจต่อกันนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะกับคู่รักกัน เพราะดอกกุหลาบสามารถทำให้ผู้รับและผู้ให้เกิดความรักความประทับใจต่อกันได้มากที่สุด ดอกกุหลาบจึงเป็นอีกดอกไม้ชนิดหนึ่ง ที่หากใครได้รับเป็นต้องหลงใหลและปลื้มใจไม่น้อยทีเดียว เมื่อได้เห็นสีสันอันสวยงามของดอก ซึ่งกุหลาบก็มีหลากสี แต่ละสีก็มีความหมายที่แตกต่างกันออกไป แล้วที่มาที่ไปหรือประวัติของดอกกุหลาบ จะมีความเป็นมาอย่างไร ทำไมจึงเป็นดอกไม้ที่หลายคนชื่นชอบ อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้แทนใจระหว่างกัน ตามไปดูประวัติของดอกกุหลาบพร้อมๆ กันเลย
ข้อมูลทั่วไปของดอกกุหลาบ
ดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ที่มีชื่อสามัญว่า Rose ชื่อทางพฤกษาศาสตร์ว่า Rosa hybrids และมีชื่อวงศ์ว่า Rosaceae การขยายพันธุ์ใช้การตอนกิ่ง กุหลาบมีลักษณะทั้งเป็นพุ่มและไม้เลื้อย ลำต้นและกิ่งมีหนามแหลม ส่วนดอกมีทั้งดอกเดี่ยวและดอกช่อ กลีบดอกใหญ่มีไม่ต่ำกว่า 5 กลีบ มีหลากหลายสี เช่น แดง ขาว เหลือง ชมพู เป็นต้น และมีอีกหลายสี ความสวยงามงามของกุหลาบ ทำให้มีค่าเย้ายวนใจต่อผู้ให้และผู้รับอย่างยิ่ง
ประวัติศาสตร์ของดอกกุหลาบ
ดอกกุหลาบ เป็นดอกไม้ที่มีคนนิยมทุกยุคทุกสมัย ซึ่งมีประวัติความเป็นมากว่า 5,000 ปี โดยชาวสุเมเรียน ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ใกล้กับแม่น้ำไทกรีสและยูเฟตีส ประเทศอิรักในปัจจุบัน จากนั้นราว 1,700 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ ที่เกาะครีตซึ่งเป็นเกาะที่เป็นเส้นทางในการค้าขาย ระหว่างยุโรปกับสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนท์ และเมืองรีแวนต์ โดยมีหลักฐานเกี่ยวข้องกับดอกกุหลาบ ในภาพเขียนบนฝาผนังของวัง เรียกว่า Blue bird Fresco บนภาพเขียนนั้นมีรูปดอกกุหลาบปรากฎอยู่ แต่รูปร่างของกุหลาบ ไม่ค่อยเหมือนกุหลาบทั่วไป เพราะเป็นกุหลาบปิดทอง มีกลีบดอก 6 ดอก ซึ่งปกติจะมีกลีบเพียงแค่ 5 กลีบ จากนั้นมีการเผยแพร่เรื่องดอกกุหลาบ จากชาวเกาะครีซไปสู่ตอนเหนือของกรีซ ในสมัยของฮีโรโดตัสในช่วง 425 – 485 ปีก่อนคริสตกาล
เมื่อราชินีแห่งฝรั่งเศสหลงใหลในดอกกุหลาบ
ดอกกุหลาบเป็นที่ชื่นชอบและหลงใหลของชาวกรีกมาก กระทั่งมาถึงสมัยของพระนางโจเซฟิน ราชินีแห่งประเทศฝรั่งเศส ได้ใช้เงินและคนในการซื้อและรวบรวมพันธุ์ดอกกุหลาบพันธุ์ต่างๆ ซึ่งพระนางได้ใช้เวลาในการรวบรวมพันธ์กุหลาบนานถึง 10 ปี จึงทำให้กุหลาบในสวนของพระนางโจเซฟิน กลายเป็นต้นกำเนิดของกุหลาบในปัจจุบัน โดยมีประมาณ 250 พันธุ์ หลังจากนั้นผ่านมาหลายศตวรรษ ก็ได้มีกุหลาบพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้น ที่เกิดจากการผสมกันเองตามธรรมชาติ ทำให้เกิดมีกุหลาบลูกผสมเกิดขึ้น ทำให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นหลากหลายพันธุ์มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งก็ได้แพร่ไปในหลายประเทศ โดยประเทศไทยเองไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า ดอกกุหลาบได้แพร่เข้ามาถึงเมืองเมื่อไหร่ ใครเป็นคนนำดอกกุหลาบเข้ามาในประเทศ จึงไม่มีหลักฐานบ่งชัดเช่นกัน
บทความแนะนำ…ส่งภาพกุหลาบสวัสดียามเช้า
ดอกกุหลาบสมัยราชวงศ์ฮั่น
ในพระราชวังของจักรพรรดิสมัยราชวงศ์ฮั่น ราว 5,000 ปี ได้มีการนำดอกกุหลาบป่าเข้ามาปลูกในวัง ขณะนั้นอียิปต์ได้มีการปลูกดอกกุหลาบ ส่งขายให้กับชาวโรมันแล้ว เพราะชาวโรมันชอบดอกกุหลาบมาก กระทั่งถือได้ว่ามีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน รวมทั้งชาวโรมันยังใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความรัก ทั้งใช้เป็นของขวัญ และใช้ในการต้อนรับแขก นอกจากนั้นยังใช้ในงานฉลองต่างๆ แล้วยังมีการนำมาเป็นส่วนประกอบ ในการทำไวน์ ขนม และทำยาด้วย
ดอกกุหลาบสัญลักษณ์แห่งความโรแมนติก
ปัจจุบันเราต่างก็รู้ดีกันว่า ดอกกุหลาบใช้เป็นสัญลักษณ์ของความโรแมนติกและใช้แทนความรัก โดยบางตำนานเล่าว่าเป็นเครื่องหมายแทนการกำเนิดขึ้นของเทพธิดาวีนัส หรือที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ซึ่งเป็นเทพผู้รักสวยรักงาม ในตำนานเล่าว่า น้ำตาของนางได้หยดลงปนกับเลือดของอคอนิส คนรักของนางที่ถูกฆ่า เลือดที่หยดลงพื้นนั้นได้กลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้ม และนั่นคือ ดอกกุหลาบนั่นเอง หรือบางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือด ของอโฟรไดท์ หลังจากนางฆ่าตัวตาย โดยการแทงตัวเองตายด้วยหนามแหลม และเลือดไหลลงสู่พื้นจนกลายเป็นดอกุหลาบ
ดอกกุหลาบในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า ดอกกุหลาบนั้นได้เข้ามาเมืองไทยเมื่อไหร่ ใครเป็นคนนำเข้ามาแต่มีบันทึกของลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งบันทึกไว้ว่า เห็นดอกกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา รวมทั้งมีปรากฎเรื่องดอกกุหลาบ ในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก โดยเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ สมัยกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงกุหลาบไว้ และตำนานกุหลาบในไทยยังมีปรากฎในบทละคร พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ซึ่งในเรื่องมีเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ มัทนา และมีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ สุเทษณะ ที่มาหลงรักพระนางมัทนา แต่นางไม่มีใจชอบ จึงถูกสาปให้เป็นดอกกุหลาบ และกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบตั้งแต่นั้นมา
ตำนานดอกกุหลาบ
กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้เพื่อสร้างความสวยงาม และใช้เป็นของขวัญเพื่อมอบให้แก่กัน ซึ่งประมาณการว่านิยมปลูกมากว่า 70 ล้านปีแล้ว โดยเคยมีการค้นพบฟอสซิลของดอกกุหลาบ ในรัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้มีการพิสูจน์ได้ว่าเป็นกุหลาบป่าอายุกว่า 40 ล้านปี แต่รูปร่างหน้าตาดอกกุหลาบในสมัยโลกล้านปี จะมีรูปร่างไม่เหมือนดอกกุหลาบปัจจุบัน เพราะกุหลาบปัจจุบันได้มีการผสมพันธุ์ระหว่างกุหลาบป่ากับกุหลาบปัจจุบัน ทำให้เกิดพันธุ์กุหลาบขึ้นหลากหลายสายพันธุ์
รวมทั้งมีตำนานเล่าว่า กุหลาบได้เกิดขึ้นเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น ได้แก่ บริเวณภาคกลางของทวีปเอเชีย จากนั้นจึงแพร่กระจายพันธุ์ออกไปที่บริเวณซีกโลกเหนือ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย หรือจะเป็นพื้นที่ร้อนมากอย่างอินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่บริเวณประเทศต่างๆ ที่อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร เช่น ออสเตรเลีย หรือตามเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยปรากฎว่ามีดอกกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ทวยเทพคืนชีวิตให้กินรีคลอริส
ในบางตำนานเล่าว่า กุหลาบเกิดจากการรวมตัวของทวยเทพทั้งหลาย เพื่อช่วยชุบชีวิตใหม่ให้กับกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ หรือเรียกว่า คลอริส โดยนางได้นอนสิ้นชีพอยู่ ซึ่งในตำนานนี้กล่าวว่าอโฟรไดท์ เป็นเทพที่ประทานความงามให้ร่วมกับเทพอีกสามองค์ที่ประทานความสดใส เสน่ห์ และความสวยงาม รวมทั้งมี เซไฟรัส ซึ่งเป็นลมตะวันตกช่วยในการพัดกลุ่มเมฆ เพื่อเปิดท้องฟ้าให้แสงอาทิตย์ส่องลงมาพร้อมประทานพรอมตะ จากนั้นไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม
เมื่อเทพเหล่านั้นสร้างบุปผาชาติขึ้นได้ใหม่แล้ว เทพทั้งหลายจึงเรียกดอกไม้ ที่มีกลิ่นหอมและสวยงามนี้ว่า Rosa ต่อจากนั้นเทพธิดาคลอริสก็ได้รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินีแห่งบุปผาชาติ และประทานดอกกุหลาบให้กับเทพ อีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก ทำให้กุหลาบกลายเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของความรัก แล้วเทพ อีโรส ก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่งความเงียบ เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย กุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเงียบและความเร้นลับด้วย
เปรียบผู้หญิงเหมือนดอกกุหลาบ
กุหลาบใช้เป็นของขวัญ หรือของแทนใจในการแสดงความรัก และมีคนเปรียบเทียบความงามของผู้หญิงเป็นเหมือนดอกกุหลาบ ซึ่งผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของโลก คือ พระนางคลีโอพัตรา ได้รับสมญานามว่าเป็นผู้หญิงสวยงามเหมือนดอกกุหลาบ พระนางเคยต้อนรับมาร์ค แอนโทนี คนรักของพระนาง โดยการโรยดอกกุหลาบหนาถึง 18 นิ้วภายในห้อง จึงทำให้บรรยากาศในห้องหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลาบ
ตำนานกุหลาบในประเทศไทย
กุหลาบมาจากคำว่า คุล ในภาษาเปอร์เชีย แปลว่า สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ โดยดอกกุหลาบได้แพร่กระจายพันธุ์จากเปอร์เซียเข้าสู่อินเดีย เพราะในภาษาฮินดีมีคำว่า คุล แปลว่า ดอกไม้ และคำว่า คุลาพ หมายถึงกุหลาบ ตามความหมายที่ไทยเรียกทั่วไป แต่ไทยออกเสียงเป็นกุหลาบ ส่วนคำว่า Rose ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า Rhodon ที่แปลว่า กุหลาบในภาษากรีก โดยดอกกุหลาบเข้ามาในประเทศไทยสมัยใด ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัด แต่บันทึกของลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศส ได้ทำให้เห็นว่าในสมัยอยุธยา บนแผ่นดินรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก็มีดอกกุหลาบแล้ว รวมทั้งมีในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา บทประพันธ์ของพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ด้วย ตำนานของกุหลาบมีมาอย่างยาวนาน ทำให้ได้เห็นถึงพัฒนาการ และความพยายามของมนุษย์ ที่จะพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ของดอกกุหลาบป่าอันสวยงาม และมีกลิ่นหอม ให้กลายเป็นดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์อย่างในปัจจุบันนี้ ซึ่งแม้ว่าที่มาจริงๆ ของดอกกุหลาบจะมาจากที่ใดก็ตาม แต่กุหลาบได้กลายเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญเพื่อใช้ในการแสดงความรัก และใช้เป็นของขวัญแทนใจระหว่างกันได้ ดังนั้น เชื่อว่ากุหลาบจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักเช่นนี้ไปตลอดกาลแน่นอน