มีคำกล่าวไว้ว่า “อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา” ซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นคนกล่าวไว้ แต่เป็นคำกล่าวที่ดี ซึ่งถ้าเราทำตามอาจจะมีสิทธิ์เป็นเศรษฐีได้ หรือถึงไม่รวย แต่ก็ไม่ถึงขั้นจน คำเหล่านี้ยังใช้ได้อยู่เสมอ
อย่านอนตื่นสาย
เมื่อสมัยเด็ก ๆ พ่อแม่จะสอนอยู่เสมอว่าอย่าตื่นสาย ให้ตื่นก่อนไก่ขัน การที่เราตื่นแต่เช้าย่อมมีโอกาสทำสิ่งต่าง ๆ มากกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกิจวัตรส่วนตัว อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน หรือไม่ตลาดก็ได้ของสด ๆ ใหม่ นี่พูดถึงการทำงานในชีวิตประจำวัน ถ้าเราตื่นช้าไป 1 ชั่วโมง โอกาสในการสร้างรายได้ก็เสียไป 1 ชั่วโมงอย่างที่เอาคืนไม่ได้
อย่าอายทำกิน
การงานทุกอย่างที่เป็นงานสุจริตคืองาน งานคือเงิน เงินรายได้ที่จะมาจุนเจือครอบครัว ฉะนั้น อย่าได้อายที่จะทำกิน สมัยเด็ก ๆ แม่จะพาไปขายของที่ตลาด รู้จักการซื้อการขาย รู้จักผู้คน รู้จักการทำมาหากินแต่เด็ก ถามว่าตอนนี้ผู้เขียนรวยไหม ก็อาจจะไม่ถึงขึ้นเป็นเศรษฐี แต่ก็ไม่จน มีชีวิตได้ไปหลายประเทศ และตอนนี้ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา ใครจะไปคิดว่าเด็กน้อยที่หาบของไปขายจะได้มีโอกาสมาถึงอเมริกา
อย่าหมิ่นเงินน้อย
เงินจะกี่บาทกี่สตางค์ ก็คือเงิน พูดข้อนี้ทำให้นึกบทกลอนของสุนทรภู่ที่กล่าวไว้ว่า
“มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงใช้น้อยกินน้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน“
บทกลอนนี้ไม่ได้ความว่าไม่ต้องซื้อไม่ต้องใช้นะ แต่ให้ใช้ตามความเหมาะสมกับรายรับรายจ่ายของเรา จะแสนเงินล้านก็นับเริ่มที่หนึ่ง ฉะนั้นแม้ทำงานเริ่มที่รายได้น้อยก็อย่าเพิ่งน้อยใจ
อย่าคอยวาสนา
วาสนาหรือจะสู้การกระทำ บางคนคอยแต่โชคลาภวาสนา เที่ยวขอเลขขอหวย ขอโชคขอลาภและคิดว่าสักวันเราต้องได้ ๆ ผู้เขียนรู้จักเพื่อนคนหนึ่งในสหรัฐเขาชอบไปเล่นคาสิโน ไปแล้วไปอีก ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยได้ เราก็บอกว่า เพลา ๆ บ้าง เขาก็ตอบว่า มันต้องได้สิ สักวันมันต้องได้ สักวันเราต้องดวงดีวาสนาดี เราก็บอกเขาว่า มันไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันว่าต้องได้ มันไม่เหมือนการขายของนะ ขายวันนี้ไม่ได้ ก็ยังมีความหวังว่าวันหน้าจะขายได้ ขายไม่ได้ตรงนี้ เราก็ไม่ขายที่ใหม่ได้ เพราะเรามีสินค้า แต่การเล่นการพนันมันไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกัน