นางตานี คือวิญญาณหรือสิ่งที่สิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยตานี เรียกว่าพรายตานีบ้าง ผีนางตานีบ้าง ภูติกล้วยตานีบ้าง จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ นั่นเป็นภาษาเราเรียกแบบบ้าน ๆ แต่โดยมากจะเรียกว่า พรายตานี แล้วพรายตานีนี้จัดเข้าในภพภูมิไหนของสัตว์ทั้ง 31 ภูมิ ได้แก่ อบายภูมิ 4 (นรก, เดรัจฉาน, เปรต, อสุรกาย) มนุษย์ภูมิ 1 สวรรค์ 6 ชั้น รูปพรหมภูมิ 16 อรูปพรหมภูมิ 4 ซึ่งนางต้องอยู่ในภูมิในภูมิหนึ่งหรือกำเนิดในภูมิใดภูมิหนึ่งใน 31 ภูมินี้…………กำลังอัพเดทบทความ โปรดติดตาม…….
นางตานีคือใคร
นางตานี เป็นผีผู้หญิง (ขออนุญาตใช้คำว่าผีก่อนนะ เพราะเป็นภาษาพูดแบบชาวบ้าน เข้าใจง่าย แต่ที่นิยมเรียกคือพรายตานี) ประเภทเดียวกับนางตะเคียน แต่นางตานีจะสิงสถิตย์อยู่ในต้นกล้วยตานี แต่ไม่ใช่ว่าต้นกล้วยตานีทุกต้นจะมีนางตานีนะ ลักษณะทั่วไปของพรายตานีจะเป็นหญิงงาม ว่ากันว่า นางตานีนุ่งห่มตามแบบสตรีไทยแต่โบราณ (ก็แน่ล่ะผีแบบไทย ๆ นี่) สไบสีเขียวตองอ่อนคล้ายใบกล้วยตานีอ่อนนั่นแหล่ะ ผ้านุ่งโจงสีตองแก่ กลิ่นกายหอมกล้วยดอกกล้วย ไว้ผมยาว มีฝ่ามือฝ่าเท้าแดงอ่อนดุจตีนนกพิราบ (เหมือนสำนวนภาษาบาลีเลย) ริมฝีปากก็มีสีเหมือนตำลึงสุก หากกล้วยตานีต้นนั้นมีลำต้นอวบ พรายนางตานีก็มีรูปทรงท้วมตามด้วย หากต้นกล้วยตานีมีลำต้นโปร่งเปลา พรายนางตานีก็มีรูปทรงฉลวยด้วยเช่นกัน
นางตานีจัดอยู่ในภูมิไหนใน 31 ภูมิ
ต้องทำความเข้าก่อนว่า มนุษย์เราเห็นอะไรที่ลึกลับ น่าพิศวง หาคำตอบไม่ได้ ก็เหมาว่าเป็นผีหมด ไม่ว่าจะเป็นเปรต อสุรกาย หรือต่อให้เทวดาหรือมนุษย์ต่างดาวหายตัวแว๊ปมาทำให้ตกใจก็ทึกทักว่าเป็นผีหมดทั้งนั้น ทีนี้ นางตานีจัดเข้าไหนประเภทไหนในภูมิ 31 ตามที่กล่าวมาข้างต้น สัตว์นรก คงไม่ใช่แน่ เพราะมีนรกหรือที่เรียกว่า นิรยะ เป็นที่อยู่ สัตว์เดรัจฉานก็ไม่ใช่ อสุรกายก็ไม่น่าจะใช่ มนุษย์ก็ไม่ใช่อีก ผมเห็นอยู่ 2 ประเภทที่อาจจะเป็นไปได้ คือเปรตและเทวดา หมายความว่าสิ่งที่เราเรียกว่านางตานีนั้นอาจจะมี 2 ประเภท ประเภทใดประเภทหนึ่ง เพราะว่า
- นางตานี อาจจะเป็นเปรตประเภทหนึ่ง ที่เรียกว่า เวมานิกเปรต เปรตชนิดนี้ เสวยสุขบ้าง ทุกข์บ้างเป็นช่วง ๆ อย่างเช่นว่า เสวยสุขเป็นเทวดาเฉพาะในเวลากลางวัน แต่ในเวลากลางคืนได้ไปเสวยทุกขเวทนา หรือเสวยสุขเป็นเทวดามีทุกอย่างที่เทวดามีนั่นแหล่ะในเดือนข้างขึ้น แต่ข้างแรมเสวยทุกข์กลับกลายเป็นเปรตก็มี
- นางตานี เป็นเทวดาประเภทหนึ่ง ที่เราเรียกว่ารุกขเทวดา หรือนางไม้ ซึ่งเข้าใจว่าเทวดาประเภทนี้จัดเข้าในสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกา ซึ่งเป็นสวรรค์ที่อยู่ใกล้กับโลกมนุษย์มากที่สุด ผูกพันกับมนุษย์มากที่สุด กล่าวกันว่าเทวดาชั้นนี้ก็ยังเสพกามเหมือนมนุษย์
ฉะนั้น นางตานี จึงเป็นได้หรือมีได้ทั้ง 2 ประเภทนี้ ถ้านางตานีนางไหน รักสวยรักงาม ต้นกล้วยสง่าสวยงามร่มรื่น เข้าไปใกล้แล้วรู้สึกเย็นสบายหายใจคล่อง บริเวณนั้นสะอาดดี มีกลิ่นหอม นางชอบช่วยเหลือคน อาจจะเป็นไปได้ว่านางคือเทวดา แต่นางตานีไหน ต้นกล้วยอ้วนไม่สมส่วน มองดูน่าขนหัวลุก วังเวงผิดปกติ และที่สำคัญนางตานีนั้นมักล่อผู้ชายไปเสพกามด้วย เป็นไปได้ว่านางตานีนั้นเป็นนางเปรต แต่เรื่องสันนิษฐานนี้เอาแน่นอนไม่ได้ ก็อย่างที่กล่าวข้างต้น เวมานิกเปรต ก็มีทุกอย่างเหมือนเทวดาสามัญที่จะพึงมี
ขอโชคลาภจากกล้วยตานี (นางตานี)
เมื่อกล้วยตานีออกปลี ให้ทำพิธีพลีพรายนางตานี เครื่องพลีนั้น ได้แก่
– หัวหมู
– บายศรี
– สำรับคาว
– ของหวานมีขนมต้มแดงต้มขาว
– ข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน
– น้ำหอมและเครื่องหอม มีแป้งกระแจะจันทน์ เป็นต้น
ให้นำแหวนและสร้อยทองคำไปคล้องที่งวงปลีกล้วยเพื่อเป็นเครื่องประดับ นำผ้าผืนหนึ่งสีแดงหรือสีอื่น ๆ ก็ได้ ไปพันรอบต้นกล้วยตานี เหมือนว่าได้นุ่งห่มให้แก่นางพรายตานี อธิษฐานบอกกล่าวขอให้นางคุ้มครอง ปกปักรักษาคนในบ้าน และให้มีโชคลาภ เป็นต้น
อยากได้นางตานีเป็นเมียต้องทำอย่างไร
ชายใดต้องการนางตานีมาเป็นภรรยา เริ่มจากไปทำความสะอาดบริเวณต้นกล้วยตานี ถ้าได้ต้นตานีที่ออกปลีกลางลำต้นยิ่งดี จากนั้นทำพิธีพลีนางตานีด้วยเครื่องพลีตามที่ได้กล่าวข้างต้น คืนต่อ ๆ มา ก็ไปหานางทุกคืน อย่าลืมนำของไปฝากนางคือแป้งเครื่องหอมต่าง ๆ พูดเกี้ยวพาราณสีนางทุกคืน จนนางใจอ่อน และปรากฏกายให้เห็น ถ้าใจกล้าก็ได้นางมาเป็นภรรยา แต่โดยมากนางจะมาในลักษณะของความฝัน หรือครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้สมสู่เป็นภรรยากันในความฝันนั้น เมื่อนางได้ตกลงเป็นภรรยาชายใดแล้ว จะขออะไรกับนางก็ได้ แต่ชายที่ได้นางตานีเป็นภรรยานั้น มีข้อเสียอยู่ อย่างเช่นว่า
– ชายนั้นจะไปมีภรรยาอื่นไม่ได้ แต่ถ้าอยากได้จริง ๆ ก็ต้องขอนาง บอกกล่าวนาง โดยมากนางจะใจดีและยอมให้เรามีภรรยาอื่นได้
– แต่โดยมากแล้วชายใดที่ได้นางตานีเป็นภรรยา มักที่จะหมกมุ่น หลงใหลในตัวนาง ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับผู้คน ชอบอยู่คนเดียว หรือชอบไม่นั่งนอนใต้ต้นกล้วยตานี หรือเก็บตัวอยู่ในบ้าน รอแต่เวลานอน จนลืมกินข้าวกินน้ำก็มี
– ชายที่ได้นางตานีเป็นภรรยา มักมีอันเป็นไป อันที่จริงนางไม่ได้ทำอะไร แต่เพราะพลังชีวิตทั้งสองฝ่ายนั้นได้ถ่ายทอดซึ่งกันและกัน ถ้าจะอธิบายตามลัทธิเต๋าแล้ว นางตานีนั้นเป็นผีผู้หญิงซึ่งก็คือพลังหยิน ส่วนผู้ชายนั้นก็คือพลังหยาง นาตานีมีพลังหยินที่่อ่อนมาก พลังหยางที่อยู่ในผู้ชายก็จะถ่ายไปที่ตัวนางตานีเพื่อให้เกิดความสมดุล แต่การถ่ายเทพลังชีวิตไปนี้จะเป็นอันตรายต่อฝ่ายชายซึ่งเป็นมนุษย์ จึงมีคำกล่าวไว้ว่า (ในหนังผีจีนได้ยินบ่อย) “คนอยู่ส่วนคน ผีอยู่ส่วนผี คนกับผีอยู่ร่วมกันมิได้” ผลที่เกิดขึ้นในการถ่ายทอดพลังชีวิตของฝ่ายชายนั้นคือร่างกายซูบผอม แก้มตอบเหมือนคนอดอาหาร ญาติ ๆ ที่สังเกตเห็นอาการนั้นได้ก็จะรู้ว่าคนนี้มีเมียเป็นนางตานี พวกเขาก็จะนิมนต์พระสงฆ์หรือเชิญหมอผีมาทำพิธีกรรมให้คนทั้งสองแยกออกจากกัน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับนางตานี