เหตุแห่งความรักมักต่างกัน แต่สุดท้ายจบลงตรงจุดเดียวกัน
“ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุสองประการ คือ
ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑
เหมือนดอกอุบลเมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุสองประการ คือน้ำและเปือกตม ฉะนั้น”
(สาเกตชาดก)
บางคนอ่านแล้วอาจจะบอกว่า “เฮ้ย โบราณ มาจากกรุไหนนั่น” จริงๆ ความรักเกิดขึ้นเพราะอาศัยเหตุ ๒ อย่างนี้จริง ๆ
๑.คือมีอดีตร่วมกันมา ตั้งแต่วินาทีที่แล้วยันถึงชาติที่ผ่านๆมาโน้นแหล่ะ เคยดูละครไหม เรื่องไหนที่พระเอกนางเองเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาแล้ว เห็นหน้ากันแล้วปิ๊งๆๆ กัน ภาพแต่สมัยเด็กๆ ผุดขึ้นมา ว่าเคยขี่ควายเล่นด้วยกันมา
๒.รักกันเพราะความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ข้อนี้ยิ่งชัดเจนใหญ่เลย คนเราทำงานด้วยกัน เจอกันทุกวัน ยิ้มให้กัน ช่วยเหลือกัน แบ่งปันสิ่งดีๆ ต่อกัน ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจกัน และเกิดความรัก ดาราหลายคู่ทำงานด้วยกัน แสดงด้วยกัน จนได้แต่งงานกันก็หลายคู่ นี่ก็เพราะอาศัยเหตุในปัจจุบัน
เมื่อคนเรามีความรัก ถูกศรแห่งรักปักหัวใจแล้ว ยากที่จะดิ้นหลุดไปได้ ผู้มีความรักอยู่ในหัวใจ ย่อมสร้างความหวังไว้อย่างเจิดจ้า แม้แต่อายุสี่สิบแล้ว ก็อยากกลับมาสิบสี่อีกครั้ง นี่หนอความรัก แต่เมื่อเขาตั้งความหวังไว้ ความผิดหวังมักรอคอยเขาอยู่
ความรักจะเกิดขึ้นด้วยเหตุอันใดก็แล้ว ย่อมหนีไม่พ้น และจบลงด้วยคำว่า “สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว เราจักต้องพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหมด”