พระพุทธรูปทรงเครื่องมีที่มาอย่างไร
พระพุทธรูปทรงเครื่อง เป็นพระพุทธรูปแบบหนึ่ง ที่องค์พระจะแลดูสง่างามและฉลองพระองค์ทรงเครื่องขัตติยราชแบบกษัตริย์ เช่น สวมมงกุฎ กรองศอทับทรวง ฉลองพระบาท ฯลฯ พระพุทธรูปลักษณะนี้เกิดขึ้นจากคติความเชื่อเรื่องพระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพ[1]
การกําเนิดของพระพุทธรูปทรงเครื่องในอินเดีย เกิดจากความเชื่อในฐานะของสมเด็จพระบรมศาสดาที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยยกย่องว่าพระพุทธเจ้าทรงมีสภาวะที่เหนือมนุษย์ธรรมดาทั่วไป คตินิยมนี้เริ่มเด่นชัดในคัมภีร์มหายานและได้แผ่ขยายเข้ามาถึงอาณาจักรพุกาม เรียก พระพุทธปฏิมาทรงเครื่องกษัตริย์นี้ว่า “ชมภูบดี” หรือ “ชมพูบดี” หรือ “มหาชมพู” ก็มี แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ในชมพูทวีป
ต่อมาชื่อ “ชมภูบดี” ปรากฎอยู่ในคัมภีร์ ชมพูบดีสูตร เป็นคัมภีร์ที่ไม่ปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎก มีเรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์นามว่า “ชมพูบดี” ที่ครองกรุงปัจจาละ มีฤทธิ์ด้วยของวิเศษ เช่น ฉลองพระบาทที่ใส่แล้วสามารถเหาะได้ ด้วยราตรีหนึ่ง พระองค์ได้เหาะไปยังเมืองราชคฤห์ ด้วยความริษยาจึงคิดทำลายเมือง แต่ด้วยอานุภาพบุญแห่งพระเจ้าพิมพิสารคุ้มครอง แต่ของวิเศษเหล่านี้ถูกทำลายไป คราวนี้ทรงพิโรธจัดจึงกลับเมืองปัจจาละและนำศรจะมาทำร้ายพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารจึงกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงจำแลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช มีพระอินทร์ พระพรหม เทพยดา นาค ครุฑ คน ธรรพ์ เป็นบริวาร ทรงปราบทิฏฐิมานะของพระเจ้าชมพูบดีได้สำเร็จ พระเจ้าชมพูบดีสำนักผิดออกผนวช จนบรรลุอรหัตผล[2] บางคติพระพุทธรูปทรงเครื่องบ้างว่าหมายถึง พระศรีอารยเมตไตรย หรือพระอนาคตพุทธเจ้า[3]
คตินิยมการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องนี้ได้แผ่ขยายเข้ามายังอาณาจักรล้านนา อาณาจักรล้านช้าง และอาณาจักรขอม และปรากฏเด่นชัดในสมัยกรุงศรีอยุธยา สืบทอดจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งนอกจากปรากฏเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแทนองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าแล้วยังเป็นพระราชสัญลักษณ์แทนองค์ผู้สร้างพระพุทธปฏิมาองค์นั้นอีกด้วย
ที่มา : wikipedia.org
โดยอ้างอิงจาก
- “พระพุทธรูปทรงเครื่อง:เครื่องทรงเยี่ยงกษัตริยาธิราช”. สยามรัฐพระเครื่อง.
- ↑ ชัชวาล อัชฌากุล. “คติการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องในสังคมไทย” (PDF). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
- ↑ “พระพุทธรูปทรงเครื่อง”. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร.
ทำไมจึงสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่อง
1.เพราะเจ้าชายสิทธัตถะหรือพระพุทธเจ้าประสูติในตระกูลกษัตริย์ หรือถือกันว่ากษัตริย์เป็นสมมติเทพ คือเทพโดยสมมติ เหตุนั้นจึงสร้างเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง นี้คงคิดแบบปุถุชนทั่วไป แท้จริงแล้ว เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ถือได้ว่าเป็นวิสุทธิเทพ เหนือเทพทั้งปวงทั้งสมมติเทพและอุปัตติเทพ จึงไม่จำเป็นต้องนำเครื่องทรงสมมติเทพมาสวมใส่
2.พระพุทธศาสนาถือกำเนิดและถูกเผยแผ่ในยุคที่มีกษัตริย์เป็นใหญ่ ในบรรดาชนทั้งหลายมีกษัตริย์ใหญ่สุด มีอำนาจเด็ดขาด การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์ก็ทรงเป็นกษัตริย์เช่นกัน และเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง (พระเจ้าจักรพรรดิ)
3.เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นมนุษย์เหมือนอย่างเราท่านทั้งหลาย แต่พระองค์ทรงพัฒนาตนเอง จนได้บรรลุธรรม ตัดกิเลสได้หมดสิ้น ซึ่งสิ่งที่พระองค์ได้ทรงบรรลุและทรงสั่งสอนนั้นไม่เหลือวิสัยที่มนุษย์ทั่วไปจะบรรลุได้ ธรรมของพระพุทธเจ้าจึงเป็นธรรมของมนุษย์ โดยมนุษย์ และเพื่อมนุษย์
4.เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ในชมพูบดีสูตร คือในครั้งที่พระพุทธองค์จำแลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช มีพระอินทร์ พระพรหม เทพยดา นาค ครุฑ คน ธรรพ์ เป็นบริวาร ทรงปราบทิฏฐิมานะของพระเจ้าชมพูบดี
5.เพื่อเป็นการระลึกถึงหรือสื่อความหมายถึงพระศรีอารยเมตไตรยซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล พระองค์ยังไม่ทรงอุบัติขึ้น ยังมิได้ทรงผนวช ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า กล่าวกันว่า ณ เวลานี้ พระองค์สถิตย์เป็นสมมติเทพที่สวรรค์ชั้นดุสิต รอเวลาอันเหมาะสมแห่งการเสด็จอุบัติเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
6.สื่อความหมายถึงบุคคลผู้สร้างพระพุทธรูปหรือบุคคลที่อุทิศให้ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ เช่น พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประดิษฐานที่พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ
7.เพื่อเป็นพุทธบูชา พุทธศาสนิกชนน้อมถวายเครื่องทรงต่าง ๆ เป็นเพื่อเป็นพุทธบูชา เช่น พระแก้วมรกตเครื่องเครื่องตามฤดูกาล ล้วนแต่สำเร็จด้วยทองคำและของมีค่าทั้งสิ้น