มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความเชื่อและเข้าใจว่า คนหรือสัตว์ที่ตายแล้วเกิดเป็นผีหรือเป็นวิญญาณวนเวียนอยู่ในที่เกิดเหตุ 3 – 7-49 วัน แต่แท้จริงแล้วคนและสัตว์ทุกประเภทตายแล้วเกิดทันที ไม่มีที่พักรอสำหรับวิญญาณ ไม่มีภพแอบซ่อนอยู่
มีคนเห็นวิญญาณคนตาย
บางคนอาจจะแย้งว่าเคยเห็นผี เคยเห็นวิญญาณคนตาย ถ้าคุณเห็นจริง สิ่งที่คุณเห็นนั้นถือว่าเขาได้เกิดแล้ว เขาอาจจะเกิดเป็นเทวดา เปรต อสุรกาย แล้วมาให้คุณเห็นด้วยความประสงค์บางอย่าง หรือด้วยความผูกพันที่มีต่อกัน แต่เราเห็นกลับเข้าใจว่าเป็นผีหรือวิญญาณไปเสีย (ถวายสมัยใหม่อาจจะบอกว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวก็เป็นได้) แต่หากคนหรือสัตว์นั้นตายแล้วเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือมนุษย์อัตภาพร่างกายของเขาก็จะเปลี่ยนไปตามภพภูมินั้น ๆ
ถ้าเกิดทันทีก็ไม่มีการตัดสิน?
กรรมหรือการกระทำของคนและสัตว์เป็นเครื่องตัดสิน และเขาถูกตัดอยู่ตลอดเวลาตามแรงแห่งกรรมที่เขาได้ทำลงไป หากเป็นอนัตตริยกรรม คือ
มาตุฆาต – ฆ่ามารดา
ปิตุฆาต – ฆ่าบิดา
อรหันตฆาต – ฆ่าพระอรหันต์
โลหิตุปบาท – ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
สังฆเภท – ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์
กรรมเหล่านี้ถือว่าเป็นกรรมหนัก ส่งผลทันทันในภพต่อไป โดยที่ไม่มีกรรมอื่นมาขั้นได้
ไม่มียมทูต ไม่มียมบาล ?
ถ้าตายแล้วเกิดทันที ไม่มียมทูต ไม่มียมบาล ไม่มีเทพหรือผู้ทำหน้าที่ตัดสินว่าต้องตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ แต่กรรมเป็นเครื่องจำแนก กรรมเป็นเครื่องตัดสิน กรรมส่งให้ไปเกิด เหมือนดังพุทธภาษิตที่ว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของคน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึงอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้ (จูฬกัมมวิภังคสูตร)
ตายแล้วไปไหน
ตอบยากเพราะกรรมแต่ละคนไม่เหมือนกัน กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม และวิบากกรรม คือการให้ผลของกรรมที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติเป็นหนึ่งในอจินไตยที่รู้ได้ยากหรือวิสัยของที่จะตรรกะใด ๆ มาตัดสิน แต่หากกล่าวถึงขณะจิตใกล้ตายมีสุคติและทุคติเป็นที่หวังดังพระบาลีที่ว่า จิตฺเต อสงฺกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้ จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตเศร้าหมองแล้วทุคติเป็นอันต้องหวัง
ว่าโดยกำเนิดมี 4 ได้แก่
1.อัณฑชะกำเนิด [เกิดในไข่]
2.ชลาพุชะกำเนิด [เกิดในมดลูก(ในครรภ์)]
3.สังเสทชะกำเนิด [เกิดในสิ่งปฏิกูล]
4.โอปปาติกะกำเนิด [ผุดเกิด]
ว่าโดยภพมี 31 ภพ ได้แก่
อบายภูมิ 4 ประกอบด้วย
- นรก
- เปรต
- อสุรกาย
- สัตว์ดิรัจฉาน
มนุสสภูมิ คือโลกมนุษย์
สวรรค์ 6 ชั้น ประกอบด้วย
- จาตุมมหาราชิกา
- ดาวดึงส์
- ยามา
- ดุสิต
- นิมมานรดี
- ปรนิมมิสสวัตตี
รูปภูมิ 16 ประกอบด้วย
- พรหมปาริสัชชา
- พรหมปุโรหิตา
- มหาพรหมา
- ปริตตาภาพรหม
- อัปปมาณาพรหม
- อาภัสสราพรหม
- ปริตตสุภาพรหม
- อัปปมาณสุภาพรหม
- สุภกิณหาพรหม
- เวหัปผลาพรหม
- อสัญญสัตตาพรหม
- อวิหา
- อตัปปา
- สุทัสสา
- สุทัสสี
- อกนิฏฐา
อรูปภูมิ 4 ประกอบด้วย
- อากาสานัญจายตนภูมิ
- วิญญาณัญจายตนภูมิ
- อากิญจัญญายตนภูมิ
- เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ