‘ขอนไม้แม้เก่า แรงเบา ไม่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่น่าปลื้มใจ ..ขอนไม้ไม่เคยพาชีวิตใครจมดิ่งสู่ก้นทะเล’
หลายคนมองว่าเรือยังไงก็มีค่า ประโยชน์เหนือกว่าหากเทียบขอนไม้ที่ลอยลำอ้างว้างท่ามกลางทะเลอย่างไร้ทิศทาง แต่ใครจะรู้ไหม เมื่อขอนไม้ตกน้ำมันจะไม่มีวันจม ต่อให้เราจับมันโยนลงน้ำอย่างไร มันก็ไม่มีวันจมหาย.. เพราะสุดท้ายมันก็จะลอยตัวขึ้นเหนือน้ำตลอดเวลาและตลอดไป แต่เรือแม้วันนี้มีแรงมากมาย มีคุณประโยชน์มหาศาลที่จะโอบอุ้มคนไว้ได้หลายร้อยพันชีวิต แต่เรือมีวันอับปาง มีวันหมดอายุการใช้งาน และหากจู่ๆ อายุการใช้งานของมันสิ้นสุดลงจนอับปางท่ามกลางทะเลกว้างโดยไม่มีกำหนดบอกเตือนล่วงหน้า ขณะที่มีผู้คนอยู่บนเรือ คิดดูเถอะว่านาทีนั้น ระหว่างเรือหรูที่จมดิ่งสู่ก้นทะเลลึกอย่างแน่นิ่งและไม่มีวันได้หวนคืนกลับสู่ชายฝั่งอีกเลย กับขอนไม้… ที่วันหนึ่งวันเวลาจะพัดพาไปสู่ชายฝั่ง รู้ไหมคะ สิ่งใดมีค่ากว่ากัน
ใครบางคนได้เปรียบขอนไม้กับเรือ ดูเหมือนว่าในความคิดของเขา ขอนไม้ก็เป็นเพียงท่อนไม้เก่าๆ ที่มีสภาพผุกร่อนรอวันเสื่อมสภาพไปตามวันเวลา หากมันลอยน้ำไปมามันก็ลอยไปเรื่อยๆ อย่างไร้ทิศทาง เขาคิดว่าหากตัวเขามีค่าเป็นเพียงท่อนไม้หนึ่ง แต่เขาจะรู้ไหมในวันหนึ่งที่เรือใหญ่อับปางลงและกำลังจมดิ่งลงสู่ทะเลลึก นาทีที่ผู้โดยสารจากเรือกำลังพลัดตกจากเรือ แน่นอนว่าอ้อมแขนของมหาสมุทรหรือทะเลกว้างกำลังอ้าแขนต้อนรับพวกเขาให้ดำดิ่งจมสู่ความตาย จะมีสักกี่คนที่รอดตาย จะมีสักกี่คนที่ว่ายน้ำจากท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไกลลิบสุดตาเพื่อไปแตะขอบฝั่งได้สำเร็จ ไม่มีหรอกจริงไหม
แต่… หากนาทีนั้น ขอนไม้ท่อนหนึ่งลอยตัวมาอย่างไร้ทิศทาง ผู้ที่ได้เกาะขอนไม้นั้นไว้เขาคนนั้นย่อมมีชีวิตรอด ประกายแห่งความหวังไม่ดับลงหรือจมหายไปเหมือนเรือใหญ่เลิศหรูที่อับปางลงต่อหน้า
ขอนไม้รู้ตัวบ้างไหมว่าผู้ที่ได้โอบกอดขอนไม้นั้นไว้ เขาโชคดีมากแค่ไหน รู้สึกมีความหวังว่าชีวิตนี้ต้องรอดตาย แม้จะลอยไปอย่างไร้ทิศทาง แต่เชื่อไหมว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางทะเลกว้างแค่ไหน ธรรมชาติมันมีทิศทางในการเคลื่อนไหวตัวมันเองเสมอ จึงมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีวันที่คลื่นจะซัดพาออกไปไกลยังกลางท้องทะเลแน่ ตามธรรมชาติของน้ำทะเลมันจะพัดพาสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตกลับสู่ชายฝั่งในสักวัน มันแค่รอเวลา.. อาจจะช้า-เร็วต่างกัน แต่ปลายทางของสรรพสิ่งนั้นก็ล้วนเฝ้ารอไปแตะชายฝั่งด้วยกันทั้งนั้น แต่เราต้องใจเย็นและอาศัยเวลาเท่านั้นที่จะพาไป และแน่นอนว่าเมื่อไรที่ใครคนหนึ่งยังคงกระชับขอนไม้แน่นอยู่ในอ้อมแขน วันหนึ่งที่กระแสคลื่นพัดพาขอนไม้และผู้โชคดีคนนั้นกลับสู่ชายฝั่ง แก้วใสเชื่อว่าคนที่โชคดีคนนั้นจะไม่มีวันลืมเลือนขอนไม้นี้อย่างแน่นอน แม้นขอนไม้ไม่มีปากพูดได้ หากเขาก็ยังปลาบปลื้มเต็มอกและอยากกล่าวขอบคุณขอนไม้วันละพันครั้งด้วยซ้ำ
หากชีวิตแก้วใสเปรียบดั่งผู้โดยสารที่อยู่บนเรือสำราญหรู แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตถึงจุดเปลี่ยนจู่ๆ เรือล่มหรือแก้วใสพลัดตกลงน้ำ คงโชคดีไม่น้อยหากมีขอนไม้ท่อนหนึ่งพัดผ่านมาแล้วให้มือสองข้างได้คว้าขอนไม้นั้นมารีบโอบกอดเอาไว้ แก้วใสรู้ดีว่าทิศทางไหนคือชายฝั่ง สายลม เกลียวคลื่น ท้องฟ้าและดวงตะวัน… เหล่านี้คือทิศทางบอกแก้วใสได้หมดว่าแก้วใสจะแหวกว่ายไปพร้อมขอนไม้นั่นจนถึงฝั่งได้อย่างไรทุกสิ่งทุกอย่างแค่อาศัยระยะเวลาในการดำเนินอย่างค่อยๆ เป็นไปของมันเท่านั้น
ไม่ใช่ขอนไม้เก่า ไม่มีแรงผลักพาเราไปสู่ชายฝั่ง ไม่ใช่หรอก… โปรดอย่าคิดเช่นนั้น เพราะถ้าขอนไม้คิดแบบนั้น งั้นคนที่มีแขนขาครบและมีแรงกว่าอย่างแก้วใสจะไม่ยิ่งอายกว่าหรือ เมื่อมีแขนขาทุกอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแต่กลับอาศัยแค่ให้ขอนไม้พาไปสู่ความฝันอย่างเดียวเท่านั้นหรือ ถ้าเช่นนั้น… ก็คงเกิดมาไม่ต่างจากคนง่อยเปลี้ยพิการแขนขา เพราะฉะนั้น ถ้าอีกคนเป็นมือซ้าย อีกคนก็ต้องร่วมเป็นมือขวา อีกคนเป็นแขน อีกคนก็ต้องยินดีเป็นขา เป็นกำลังของกันและกัน ค่อยๆ พยุงกันไปตามทิศทางที่เราวาดไว้ แบบนี้ก็ย่อมสำเร็จถึงฝั่งด้วยกันทั้งคู่‘ขอแค่… จงเดินทางไปด้วยกันจากนี้ด้วยความใจเย็นเท่านั้น’
ขอนไม้ อย่างไรก็มีค่า… ตราบใดที่ลอยเหนือน่านน้ำมาเพื่อมอบความหวังและให้ชีวิตใครคนหนึ่งได้ยืนหยัดต่อไป