สีผึ้งหลวงปู่ทาบนั้นไม่ได้มีแต่สีผึ้งเขียวเท่านั้น ยังมีตำนานสีผึ้งสีน้ำตาล ชายหนึ่งหญิงหกอีก หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่าชายง่อยมีหก ตำนานว่าอย่างไร เล่ามาศึกษาด้วยกันครับ
ตำนานสีผึ้งน้ำตาล ชายง่อยเมียหก
มีเรื่องเล่าว่า สีผึ้งสีน้ำตาลนี้เป็นสีผึ้งยุคแรกของหลวงปู่ทาบ ที่ท่านได้ทดลองทำด้วยวิชาที่ได้เรียนมา สีผึ้งนี้จะมีลักษณะเฉพาะตัวคือจะออกสีน้ำตาลเข้ม แต่ชาวบ้านสมัยนั้นมักจะเรียกสีผึ้งสีนี้ว่าสีผึ้งดำ เมื่อท่านทำสีผึ้งเสร็จแล้วได้แจกจ่ายสีผึ้งน้ำตาลนี้ให้กับคนละแวกวัดกระบกขึ้นผึ้งนั่นเองเพื่อนำไปใช้ ในบรรดาผู้ที่ได้รับไปนั้นมีชายง่อยคนหนึ่งซึ่งบ้านของแกก็อยู่แถวละแวกวัดนั่นแหล่ะ และแกเองก็ได้รับสีผึ้งนั้นด้วย ด้วยความที่รูปร่างของแกนั้นจึงทำให้ไม่ค่อยมีสาวใดสนใจ หาเมียยังไม่ได้สักที แกจึงใช้สีผึ้งน้ำตาลหลวงปู่ทาบนั้นทำการอธิษฐานแล้วนำไปป้ายผู้หญิงทำที่ตนหมายปอง แต่ธรรมชาติของคนเรามันไม่หยุดแค่นั้นสิ ได้หนึ่งแล้วก็ไม่พอ ป้ายคนที่สองคนที่สามอีกก็ยังไม่พอใจสงสัยเก็บกดมานานเลยป้ายมันไปเรื่อยกับคนที่ตนชอบใจ จนแกได้เมียถึง 6 คน จึงเป็นตำนานที่มาของสีผึ้งชายง่อยเมียหกว่ากันว่า เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงหลวงปู่ทาบท่านจึงนำเอาสีผึ้งสีน้ำตาลที่ยังเหลืออยู่นำไปเททิ้งแม่น้ำหมด ซึ่งท่านว่าสีผึ้งน้ำตาลนี้มันแรงไป
ถ้าสีผึ้งน้ำตาลดีจริง ก็เชื่อว่าคงไม่ใช่แค่ชายง่อยแน่ที่มีประสบการณ์ได้เมียหก แต่คนอื่น ๆ ไม่ถูกระบุชื่อ รู้แต่ว่ามีประสบการณ์รายไหนรายนั้นว่าอย่างนั้นนะ เรื่องชายง่อยเมียหกนี้ บางแห่งก็เล่าว่าไม่ใช่เพราะสีผึ้งแต่เป็นเพราะพระผงพิมพ์พระปิดตาของหลวงปู่ทาบ แต่จะเป็นเพราะพระผงพิมพ์พระปิดตาหรือสีผึ้งน้ำตาลก็ตาม แต่เรื่องที่ตรงกันคือ 1. เป็นผงที่หลวงปู่ทาบท่านลบเองสำหรับทำพระผงพิมพ์พระปิดตาหรือผสมทำสีผึ้งน้ำตาลของหลวงปู่ทาบ สรุปก็คือเป็นวัตถุมงคลเครื่องรางของหลวงปู่ทาบ 2. เป็นชายง่อยเมียหกเหมือนเดิม
ตำนานสีผึ้งเขียว หลวงปู่ทาบ
ถ้ายุคสีผึ้งสีน้ำตาลเป็นสีผึ้งยุคแรกของหลวงปู่ทาบ สีผึ้งเขียวจึงเป็นสีผึ้งยุคต่อมา แต่ไม่รู้ว่าต่อมานานแค่ไหน เดิมทีมีเรื่องเล่าสีผึ้งเขียวนี้ ก็ไม่ได้สีเขียวหรอกครับ พอมีคนต้องการมากเข้า มีคนถามหามากขึ้น (แสดงว่าแจกไปเยอะแล้วเหมือนกัน) ท่านต้องการที่จะทำให้เป็นเอกลักษณ์หรืออย่างไร จึงได้นำว่านชนิดหนึ่งซึ่มีสีเขียวนำบดผสมลงไปด้วย จึงกลายเป็นสีผึ้งเขียว
สีผึ้งเขียวของหลวงปู่ทาบนั้น เมื่อท่านทำเสร็จแล้วท่านจะนำใส่ไว้ในโถแบบโบราณซึ่งจะมีฝาครอบไว้ ซึ่งสีผึ้งเขียวที่อยู่ในโถนี้จะงอกเพิ่มปริมาณขึ้นหรือลดลงเท่าเดิมตามกำลังของวัน บางวันสีผึ้งนี้ก็จะฟูขึ้นจนดันขึ้นติดฝาครอบโถแล้วเกาะกันเป็นวง ๆ คล้ายกับดอกของใบพลู ที่เป็นวงรูปคล้ายดอกใบพลูนี่แหล่ะของแรงดีนักหนา ศิษย์หนุ่มวัดกระบกขึ้นผึ้งเมื่อเปิดฝาโถสีผึ้งแล้วเห็นเข้าก็จะใช้ใบจากที่ใช้มวนบุหรี่สูบมาม้วนให้เป็นกรวยแล้วจึงตักไปใช้ ได้ผลชะงัดนัก ว่ากันว่ารายไหนก็รายนั้น มีอันต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่ด้วยกัน ไม่มีพลาดเลยสักรายเดียว สีผึ้งของหลวงปู่ทาบนั้น จะมีเคล็ดวิธีการใช้เหมือนสีผึ้งของหลวงปู่ทิม คือใช้ตามความสำคัญในการสั่งของนิ้วมือทั้ง ๕ นิ้ว ซึ่งนับจากหัวแม่โป้งเรื่อยมาจนถึงนิ้วก้อยซึ่งเป็นนิ้วที่เล็กที่สุด วิธีใช้สีผึ้งป้ายผู้หญิงที่ตนหมายปองนั้น อย่าป้ายให้ต่ำกว่าบั้นเอวลงไป และเวลาป้ายก็ให้ป้ายถูกเนื้อ แต่ถ้าป้ายถูกผ้าจะได้ผลช้า