
“นาค” คือสัตว์ในตำนานที่ปรากฏอยู่ในความเชื่อของชุมชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในไทย ลาว และกัมพูชา มีรูปลักษณ์เป็นงูขนาดใหญ่หรือครึ่งคนครึ่งงู อาศัยอยู่ในแม่น้ำลำคลอง บึง หรือโลกบาดาล คติความเชื่อเรื่องนาคมีรากฐานจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และผสมผสานเข้ากับพุทธศาสนา ทำให้ “นาค” ไม่เพียงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความคุ้มครอง อุดมสมบูรณ์ และสายสัมพันธ์ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ
นาคในตำนานและศาสนา
ในศาสนาฮินดู นาคถือเป็นบริวารของพระวิษณุ มีหน้าที่ปกป้องสมบัติและโลก ส่วนในพุทธศาสนา นาคมีบทบาทเด่นในพุทธประวัติ เช่น ตำนานพญามุจลินทร์นาคราชที่แผ่พังพานป้องกันพระพุทธเจ้าจากฝนและลมพายุขณะตรัสรู้ รวมถึงเรื่องราวของนาคที่แปลงกายมาบวชแต่ถูกพระพุทธเจ้าสั่งให้สึก เพราะเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ต่อมากลายเป็นผู้คุ้มครองพระศาสนา
ความเชื่อพื้นบ้านและพิธีกรรม
ในท้องถิ่นอีสานและลุ่มน้ำโขง ความเชื่อเรื่องนาคสัมพันธ์กับน้ำ ความอุดมสมบูรณ์ และการเกษตร พิธีบวงสรวงหรือบูชาพญานาคมักจัดขึ้นเพื่อขอฝนและความเจริญ เช่น งานบุญบั้งไฟ และการจัดพิธีบูชาพญานาคที่ริมโขงในจังหวัดหนองคาย ซึ่งเกี่ยวโยงกับปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ของนาค

นาคในศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม
ภาพและประติมากรรมรูปนาคปรากฏอย่างแพร่หลายในศิลปะไทย เช่น นาคตามราวบันไดวัด วิหาร หรือเจดีย์ ที่มีลักษณะเลื้อยทอดยาวจากเชิงบันไดขึ้นไปสู่พระอุโบสถหรือเจดีย์ ซึ่งมีนัยหมายถึงการคุ้มครองและเป็นสะพานเชื่อมจากโลกมนุษย์ไปสู่โลกแห่งธรรม
ศรัทธาร่วมสมัย
แม้โลกสมัยใหม่จะเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ศรัทธาในพญานาคยังคงปรากฏอยู่เด่นชัด ทั้งในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงศาสนา การสร้างรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ตามวัด การบูชาพญานาคในบ้าน รวมถึงการเผยแพร่เรื่องราวของนาคผ่านสื่อสมัยใหม่ เช่น ภาพยนตร์ ละคร และโซเชียลมีเดีย
บทสรุป
“นาค” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนาน แต่เป็นสัญลักษณ์ที่หลอมรวมความเชื่อ ศิลปะ และวัฒนธรรมไว้อย่างแนบแน่นในสังคมไทยและภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ศรัทธาที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคนนี้ สะท้อนถึงความผูกพันระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงมีอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน




