ทำบุญน้อยลง เพราะหมดศรัทธาในพระสงฆ์
บางคนบอกว่า “ไม่อยากทำบุญ เสื่อมศรัทธาในพระสงฆ์ ข่าวพระสงฆ์ประพฤติไม่ดีมีบ่อย” บุญก็คือความดี ความดีก็คือบุญ บุญนำความสุขมาให้ ใครทำบุญคนนั้นก็ได้บุญ ได้ความดี การที่บอกว่าไม่อยากทำบุญ เป็นเพราะไม่เข้าใจคำว่าบุญ ไม่เข้าใจวิธีทำบุญ
การทำบุญมีหลายวิธี ท่านกล่าวย่อไว้ว่า มีการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา อย่าเอาบุญไปผูกมัดที่คนใดคนหนึ่ง เรามักเอาบุญไปผูกมัดกับตัวบุคคล พอบุคคลนั้น ไม่อยู่ หรือล้มหายตายจากไป หรือไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ แล้วก็บอกว่าไม่อยากทำบุญ
เราควรที่จะทำบุญโดยยึดที่การกระทำนั้นว่าเป็นบุญไหม การกระทำนั้นถูกต้องไหม เป็นไปตามทางแห่งบุญไหม เราไม่พร้อมที่จะให้ทาน ก็รักษาศีลได้ หรือเจริญภาวนาได้ ไม่ใช่อ้างว่าบุคคลนั้น บุคคลนี้ไม่เป็นไปตามที่เราคิด การทำบุญไม่ใช่ให้ทานอย่างเดียว พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์เทศน์มาตลอด
มีเรื่องเล่าว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ชาวบ้านต่างจังหวัดมักรวบรวมปัจจัยโดยการแห่ไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อนำปัจจัยไปถวายพระที่วัด ซึ่งในขณะที่ทำการแห่รวบรวมปัจจัยก็ดื่มเหล้าเมาสุราไปด้วย แล้วก็พากันแห่ปัจจัยไปถวายพระที่วัดในขณะที่ยังเมาอยู่ เพื่อหวังบุญ พระท่านก็เทศน์สั่น ๆ ว่า “โยม ถ้าอยากได้บุญ นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ได้ แต่นี่ดื่มสุรายาเมาผิดศีล ทำลายสติปัญญาตนเอง จะได้บุญได้อย่างไร”
นั่นหมายความว่า นั่งรักษาศีล ๕ ที่บ้านก็ได้บุญแล้ว ถ้าคนเข้าใจว่าบุญคืออะไร และมีวิธีการทำอย่างไร ฉะนั้น อย่าเบื่อการทำบุญเลย ไม่ให้ทาน ก็จงรักษาศีล ไม่รักษาศีลก็เจริญภาวนา ศึกษาหาความรู้ อบรมพัฒนาจิตใจของตนให้สูงขึ้น แต่ถ้าทำได้ทั้ง ๓ อย่าง คือให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ถือว่าเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยบุญแท้.
สรุป คือ การทำบุญ หรือทำความดี มันที่อยู่ที่คนทำ มันไม่ได้อยู่ที่คนอื่น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่น ก่อนที่จะไปด่าว่ากล่าวคนนั้นดีไม่ดี หรือไม่อยากทำบุญเพราะคนอื่นไม่ดี แล้วตนเองดีหรือยัง รักษาศีล รักษาวาจา ภาวนาได้หรือยัง
อนึ่ง เมื่อไม่พร้อม หรือไม่มีความประสงค์จะทำบุญ ก็ไม่ต้องทำ อยู่เฉย ๆ เป็นการดี แต่บางคนไม่ทำบุญเสียเอง แต่ไปว่ากล่าวตำหนิคนอื่นที่ทำบุญ อย่างนี้สร้างบาปกรรมให้ตนเองโดยส่วนเดียว