“ครอบครัว” คำธรรมดาๆ ฟังแล้วดูไม่มีความสำคัญมากมายนัก แต่เมื่อพิจารณาอย่างพินิจถ้วนถี่แล้ว ครอบครัวมีผลอย่างมากต่อชีวิตคนเรา
ตั้งแต่เกิดจนตายรวมศูนย์ทุกอย่างอยู่ภายในครอบครัว ทำงานสร้างรายได้ก็เพื่อครอบครัว ใส่ใจและแคร์ความรู้สึกก็เพื่อครอบครัว ร่วมทุกข์สุขก็เพื่อครอบครัว ต่างๆ นานาเรามากันสิวา ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ความหมายของคำว่า “ครอบครัว”
คำว่า “ครอบครัว” เป็นคำที่สำคัญและมีความหมายหนักหน่วง ซ่อนปริศนาธรรมอยู่ภายใน แยกมาจากคำว่า ครอบ กับคำว่า “ครัว” คำว่า “ครอบ” มีความหมายว่า การเอาของที่มีลักษณะภายในโปร่งคล้ายๆ ขันคว่ำปิดเอาไว้ และ คำว่า ครัว มีความหมายว่า เรือนหรือโรงทำกับข้าว ในที่นี้คือ บ้านหรือเรือนนั่นเอง ดังนั้น ครอบครัว จึงหมายถึง การครอบคนสองคนไว้ในบ้านหรือเรือนเดียวกันไม่ให้จากกันไปไหน การมีครอบครัวก็คือการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันภายใต้หลังคาบ้านหรือเรือนเดียวกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
การที่คนสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะความคิดเห็นของคนทั้งสองอาจมีไม่เหมือนกัน จำเป็นต้องมีการปรับหรือจูนความคิดเห็นเข้าหากัน เพื่อลดความบาดหมางกัน ดังนั้น จึงควรทราบหลักธรรมที่ใช้สำหรับการดำเนินชีวิตครอบครัว เพื่อสร้างความรัก ความเข้าใจกันมากขึ้น ควรยึดถือปฏิบัติในที่นี้คือ หลักฆราวาสธรรม (หลักธรรมสำหรับผู้ครองเรือน) ประกอบด้วย
1.สัจจะ หมายถึง ความซื่อสัตย์ต่อกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ไม่นอกใจกัน สามีรักภรรยา ภรรยาก็รักสามี ต่างฝ่ายต่างจริงใจและซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่มีความลับต่อกัน
2.ทมะ หมายถึง การรู้จักข่มใจ หักห้ามใจในเวลามีเรื่องราวที่ไม่สบายใจเกิดขึ้น เช่น เวลาโกรธ ก็ให้พยายามข่มใจไม่ให้โกรธ หรือแสดงความโกรธนั้นต่ออีกฝ่าย เพราะจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรืออาจโกรธตอบ อันจะนำไปสู่การทะเลาะกัน เป็นต้น
3.ขันติ หมายถึง ความอดทน หมายความว่า ให้รู้จักอดทนต่อคำกล่าวติชินนินทาของอีกฝ่าย หรือคนอื่นๆ เขาจะว่าอะไรก็ให้พยายามอดทนเอาไว้ เก็บอารมณ์เอาไว้ อย่าแสดงออกตอบ เพราะหากแสดงออกตอบก็จะนำไปสู่การก่อวิวาทกัน โกรธเคืองกัน ผิดใจกัน
4.จาคะ หมายถึง การเสียสละ การรู้จักเสียสละประโยชน์ส่วนตนให้แก่อีกฝ่าย หรือการรู้จักเสียสละความสุขของตนเพื่ออีกฝ่าย พยายามยอมกันในบางเรื่องหรือทุกเรื่อง สามียอมภรรยา ภรรยายอมสามี สามีรู้จักเสียสละต่อภรรยา ภรรยารู้จักเสียสละต่อสามี ต่างฝ่ายต่างรู้จักเสียสละต่อกัน ก็จะทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขได้
นอกจากหลักธรรม 4 ข้อข้างต้นแล้ว ต้องปฏิบัติตามหลักทิศ 6 อีกด้วย โดยเฉพาะข้อที่ว่า ด้วยหน้าที่ของสามีและภรรยาที่จะพึงปฏิบัติต่อกัน ทั้งสามีและภรรยาต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำต่อกัน
โดยสามีมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อภรรยาดังนี้คือ
1.ต้องยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยาของตนเอง
2.ไม่ดูหมิ่น ดูแคลน หรือดูถูกเหยียดหยามภรรยาตน
3.ไม่ประพฤตินอกใจ
4.มอบความเป็นใหญ่ให้
5.ให้เครื่องแต่งตัว
ภรรยามีหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติต่อสามีดังนี้คือ
1.จัดการงานดี
2.สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามีดี
3.ไม่ประพฤติล่วงใจสามี
4.รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ไว้
5.ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง
ดังนั้น ควรปฏิบัติตามหลักธรรมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ และต้องถือปฏิบัติอย่างจริงจัง ต้องถือปฏิบัติด้วยใจจริง หากปฏิบัติตามหลักธรรมดังกล่าวข้างต้นนี้ ก็จะมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข ความเจริญ..
ไม่มีเรื่องที่ต้องคิดให้ปวดหัว สามารถขจัดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ ทำให้รักกันมากขึ้น และสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าตลอดจนถึงวันตายได้อย่างมีความสุข