สีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง แรงไม่แรงต้องใช้เอง
มีผู้สอบถามมาว่า ของเครื่องรางสายเสน่ห์ เมตตา ประเภทสีผึ้ง เอาแบบแรง ๆ
ผมก็คิดในใจว่า แบบไหนจึงเรียกว่าแรง หรือเราไม่ได้คิดเรื่องแรง เราใช้เพื่อความสบายใจ เป็นเครื่องผูกใจ สร้างความมั่นใจ ก็ได้ผลอยู่นะ แต่ไม่ใช่ว่าต้องได้ผลทุกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะต้องสมหวังทุกครั้ง ประสบความสำเร็จทุกครั้ง หรือต้องมีคนรักทั้งโลก มันเป็นไปไม่ได้ คนเราต้องมีคนรักครชังบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
กลับมาที่สีผึ้งแรง ๆ ถ้าแรงหมายถึงทาแล้วคนรักวิ่งตาม หอบผ้าวิ่งตาม มันไม่มีหรอกครับ นอกจากใช้เงินใช้ทองหรือใช้รถ หรือทาแล้วเขาจะต้องรักเราตลอดชั่วฟ้าดินสลาย เราเลวแค่ไหนเขาก็รัก เราทำร้ายตบตีด่าเขาเอาเปรียบเขาอย่างไรเขาก็รักตลอด แบบนี้ก็คงหายาก ผมเชื่อว่าไม่มีด้วยซ้ำ
ความจริงการใช้เครื่องรางเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยมนั้น ใช้เป็นเครื่องประสานเป็นเครื่องเชื่อมต่อ หรือเป็นสื่อให้มันง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ยกตัวอย่างใช้สีผึ้งอธิษฐานสมัครเข้าทำงาน เมื่อคุณอธิษฐานต่อเครื่องรางแล้วและได้งานจริง ๆ ตามอธิษฐานคุณต้องให้เครดิตเครื่องรางได้ว่าเครื่องเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณได้งาน คือไม่ลบหลู่เครื่องรางที่คุณมี ต่อไปเป็นหน้าที่ของคุณที่จะรักษางานนั้นไว้ เช่น คุณต้องขยัน อดทน มีความซื่อสัตย์ต่องาน เครื่องรางจะมาตามรักษาคุณโดยตลอดเป็นไปไม่ได้ การใช้เครื่องรางมหาเสน่ห์ในด้านความรักก็เหมือนกัน เมื่อเขาเปิดโอกาสให้เรา หรือรักเราแล้ว เราต้องรักษาความรักนั้นไว้ให้มั่นด้วยตัวคุณเอง เครื่องรางจะแรงแค่ไหนก็ย่อมมีวันเสื่อมได้ แต่ใจคุณอย่าได้เสื่อมรักเขา
สรุป คือ เครื่องรางมหาเสน่ห์ เมตตาแรง ๆ แบบคนเดินตาม หอบผ้าวิ่งตอบผมยังไม่เคยเห็น แต่ก็ได้ยินแต่เรื่องเล่าสมัยก่อนเกี่ยวกับน้ำมันพราย ซึ่งผมว่าทุกวันนี้ไม่มีแล้ว มีแต่ชื่อเท่านั้น แต่ความแรงยังไม่เคยเห็น และเครื่องรางมหาเสน่ห์จะแรงแค่ไหนก็ตามย่อมมีวันเสื่อม ฉะนั้น เมื่อเครื่องรางมหาเสน่ห์ช่วยคุณในด้านความรักแล้ว ต่อไปก็ต้องเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องรักษาความรักนั้นให้ยืนยาวต่อไป