หลายวันก่อน.. มีโอกาสคุยกับพี่คนหนึ่ง หลังจากที่ร้างลาการทักทายกันไปนาน กลับมาคุยคราวนี้พี่เขาบอกว่า ‘เราโตขึ้นนะ’ ที่ว่าเราโตขึ้นคงหมายถึงหลายเดือนก่อน แก้วใสค่อนข้างเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ขี้อ่อนไหว อ่อนไหวกับเรื่องอะไรบ้าง ก็ทุกเรื่องนะ ทั้งเรื่องความรัก เรื่องงานและเรื่องครอบครัว
ฮ่ะๆ จริงๆ ก็เหมือนจะไม่ได้มีความรักกับใครหรอก เพียงแต่อาจจะเป็นความรู้สึกดีๆ ที่เรามีต่อใครอีกคน รู้สึกคิดถึง ห่วงใย อยากคุยด้วย อยากพบเจอและอีกหลายๆ อย่างที่เหมือนคู่รักคนอื่นๆ เอ๊ะ! ไม่สิ แก้วใสและใครคนนั้น เราไม่ได้เป็นคนรักกัน แก้วใสรู้ดีว่าความรู้สึกของเราคงเป็นได้แค่การ ‘แอบรัก’ ก็คงประมาณนั้นแหละ เพราะเหตุนี้เอง เลยทำให้มีอาการเพ้อบ่อย อ่อนไหวได้เรื่อยเปื่อย พลอยทำให้รู้สึกว่าเมื่อสภาพจิตใจเรารวน การทำงานก็พลอยรวนไปด้วย ระบบการทำงานแย่ รู้สึกไม่ดีกับตัวเองแต่ก็ยากที่จะควบคุมหักห้ามใจตัวเองได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง.. เหตุการณ์บางอย่างได้สอนใจและบอกกับแก้วใสว่า บางทีการที่เราไม่มีเขาก็ไม่เป็นไร ไม่ได้พูดคุยก็ไม่เป็นไร ไม่มีเขาเราก็ไม่ตายนี่! เราก็ยังหายใจได้ปกติ ยังคงอยู่กับตัวเองและชีวิตยังต้องดำเนินก้าวไป หากมัวแต่มานั่งคิดถึงใครต่อใคร อนาคตจบเห่กันพอดีจริงมั้ยคะ เพราะฉะนั้น ทุกๆ วันแก้วใสเลยตั้งใจใหม่ ตื่นนอนมาแล้วก็จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ให้ความผิดพลาดมันมีน้อยลง หมั่นทำตัวให้ยุ่งกับงานเข้าไว้เพื่อจะได้ไม่มีเวลามานั่งคิดถึงใคร และแก้วใสรู้สึกว่าเราทำสำเร็จมาแล้วระดับหนึ่งเลยนะ แต่ก็ไม่คิดว่าเราจะโตและเข้มแข็งมากขึ้น รู้แค่ว่าอ่อนไหวน้อยลง… จนพี่คนนี้เข้ามาทักเท่านั้นแหละ เลยเหมือนได้เห็นกระจกอีกใบที่สะท้อนสิ่งที่เป็นตัวเราเองออกมา
การที่เราโตขึ้น คำว่า ‘โต’ ไม่ได้หมายถึงสภาพร่างกายที่เจริญเติบโต แต่หมายถึง ภาวะความคิดเราจิตใจเราก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่อีกขั้น รู้สึกภูมิใจกับตัวเองขึ้นมาบ้างเล็กๆ แล้วค่ะ และถึงแม้ว่าวันนี้จะยังมีเรื่องราวหลายอย่างต้องรับผิดชอบดูแลให้ดีที่สุด แม้หลายเรื่องเรายังเป็นเด็กอ่อนหัด ยังไม่เป็น บริหารไม่ดี ทำอะไรห่วยแตกอยู่เรื่อยๆ แต่แก้วใสก็ยังพยายามคิดใหม่ ทำใหม่ วางแผนไปเรื่อยๆ นะ วันนี้ผิดพลาด.. เรื่องที่พลาดของวันนี้จะต้องทำให้แก้วใสมานั่งวางแผนเพื่อจัดระบบใหม่ เพื่อแก้ปัญหามันใหม่ให้ดีกว่าในวันพรุ่งนี้ให้ได้!
วันนี้มีคนบอกแก้วใสว่า ‘บริหารงานไม่ดี’ ทำให้แก้วใสนึกย้อนไปถึงวันก่อนๆ ที่เราบริหารงานและบริหารชีวิตตัวเองผิด เลยพลาด.. เลยรวนไปหมดทุกด้าน แต่เพราะวันวานมันได้สอนให้เรารู้จักโตขึ้นทางความคิด แก้วใสชอบเรียนรู้ความผิดพลาด เรียนรู้อะไรจากปัญหาที่ผ่านมาได้เยอะและหมั่นบอกตัวเองเสมอว่าเราจะไม่เดินย้อนกลับไปวังวนเก่าอีก และวันนี้ก็เป็นวันที่คาดการณ์ไว้หลายวันแล้วว่าจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นใหญ่โตแน่ๆ หากเราวางแผนผิดคิดพลาดอีก แก้วใสเลยวางแผนที่จะรับมือกับปัญหาของวันนี้ไว้ถึง 4-5 แผน หากแผนแรกไม่ผ่าน แผนที่ 2 ก็จะต้องนำออกมาใช้ได้และหากแผนที่ 2 แป้กอีก เราก็ยังอุ่นใจเล็กๆ ที่อย่างน้อยยังมีแผนที่ 3 4 และ 5 รอให้แก้วใสนำมาลุยต่อกับชีวิต เพื่อรับมือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น
แก้วใสวางแผนรับมือกับชีวิตตัวเองทุกด้านแล้วนะวันนี้ และก็ค้นพบปาฏิหาริย์อันน่ามหัศจรรย์จากการที่เราได้เตรียมการณ์เอาไว้ล่วงหน้า แน่นอนค่ะว่าแม้แผนงานแรกจะล้มเหลวไม่สำเร็จ ทว่าแผนที่ 2 มันกลับประสบความสำเร็จสวยงาม กระทั่งแผนการที่ 3 ก็ส่งสัญญาณทักทายมาตามลำดับว่า OK แล้วนะหากแก้วใสล้มเหลวในแผน 2 แผน 3 นี่แหละพร้อมแล้วที่จะออกมาประคองเราไม่ให้ทรุดฮวบ สรุปคือ ทั้ง 2 แผนการนี้ก็พร้อมผลักดันแก้วใสให้ก้าวมาสู่คำว่า ‘สำเร็จ’ อีกขั้นได้อย่างน่าภาคภูมิใจจริงๆ
แต่แก้วใสเลือกที่จะพับเก็บแผนที่ 3 เอาไว้เพื่อไว้ใช้ในวันข้างหน้าต่อไปค่ะ แก้วใสไม่ขอใช้สิทธิ์พิเศษอะไรที่มันพร่ำเพรื่อเกินไป เพราะวันหน้าเราอาจจะมีปัญหาชีวิตอีก ซึ่งแผนที่เราสำรองเตรียมไว้เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนอาวุธในตัวที่เรามีอยู่ภายใน แต่เราจะหยิบอาวุธชิ้นไหนออกมาใช้ก่อนก็เท่านั้น และเมื่อแก้วใสได้หยิบอาวุธชิ้นที่ 2 ออกมาแก้ปัญหาให้ตัวเองได้สำเร็จแล้ว แผนอื่นๆ ก็เก็บไว้เป็นอาวุธที่แก้วใสจะลับมันให้คมกริบพร้อมฟาดฟันปัญหาใหญ่ในวันหน้าอีกครั้ง
ต้องขอบคุณคำว่า ‘บริหารงานไม่ดี’ และต้องขอบคุณ ‘ความล้มเหลว’ ในวันก่อน ที่ทำให้แก้วใสโตขึ้นในวันนี้อีกระดับหนึ่ง และต้องขอบคุณ ‘ตัวเราเอง’ ที่รู้จักนำเอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนสอนใจให้เราคิดและทำใหม่ได้อย่างสำเร็จ ความล้มเหลววันวานทำให้เราอาจหาญในการเติบโตได้อย่างสง่างามแท้จริง หากใครที่เคยผิด คิดพลาดแบบแก้วใสมาก่อน.. อย่าลืมที่จะหัดลับอาวุธเก็บไว้เป็นแผนสำรองให้ชีวิตได้หยิบใช้กันบ้างนะคะ แล้วคุณจะพบว่าชีวิตมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราเองก็จัดการให้ดีได้เหมือนพลิกฝ่ามือ