นักอยากเขียนหลายคนที่มีความฝัน อยากเป็นนักเขียน พวกเขาก็ย่อมพบกับอุปสรรคในครั้งแรกที่เริ่มต้น หลายคนไม่รู้ว่าจะเขียนยังไง เริ่มแบบไหน เมื่อการเริ่มต้นมันกลายเป็นเรื่องยากขนาดนี้ ถ้างั้นมาทำตามวิธีของแก้วใสกันสิคะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแก้วใสเริ่มต้นเข้าสู่วงการนักเขียนได้อย่างไร วันนี้มีคำตอบมาเผยกันแล้วจ้า
เริ่มต้นจากการอ่าน การอ่านหนังสือคือพื้นฐานสุดเบสิกที่ทำได้ง่ายๆ และยังทำให้เราก้าวเข้าสู่อาชีพการเป็นนักเขียนได้ง่ายและดีขึ้นอีกด้วย เพราะนักเขียนหลายคนกว่าจะมาเป็นนักเขียนกันได้นั้น ต่างก็ล้วนเริ่มต้นมาจากการทำตัวเป็นนอนหนังสือกันก่อนนี่แหละ แก้วใสเองก็เช่นเดียวกัน หากใครยังคงมีคำถามว่า “อยากเป็นนักเขียน ทำไงดี?” ได้แต่เฝ้าตั้งคำถาม แต่ไม่ยอมลงมือเริ่มต้นจากการอ่านก่อน ก็เป็นไปได้ยากเหมือนกันนะคะที่เราจะสามารถเป็นนักเขียนที่มีฝีมือคุณภาพได้
ฝึกเขียนบันทึกเป็นประจำทุกวัน นอกจากการอ่านแล้ว ใครหลายคนอาจจะต้องมีคำถามต่อไปอีกว่า “อ่านหนังสือไปหลากหลายเล่มก็แล้ว แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนอะไรดี?” หากคุณยังไม่สามารถค้นหาแนวทางที่อยากเขียนได้พบ ถ้าเช่นนั้น แก้วใสขอแนะนำให้เริ่มต้นลงมือเขียนบันทึกไปเลยค่ะ ถามว่าบันทึกอะไร? ก็บันทึกประจำวันนี่แหละ แต่ย้ำว่าต้องหมั่นเขียนทุกวันเท่านั้นนะ ลองหาสมุดขนาดพกพาเล่มเล็กๆ หรือเล่มขนาดกลางที่คุณสามารถพกพาไปไหนต่อไหนได้สะดวก เอาติดกระเป๋าไปด้วยได้ง่าย และตั้งมั่นไว้เลยค่ะว่าจากนี้ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องราวอะไรต่อมิอะไรรอบตัว ให้รีบหยิบสมุดปากกาออกมาจดบันทึกขีดเขียนเรื่องราวเหล่านั้นลงไป เพราะนักเขียนมืออาชีพส่วนใหญ่ ล้วนเริ่มต้นจากการเป็นนักเขียน ด้วยการเป็นนักเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นประจำวันก่อนด้วยกันทั้งนั้นเอาเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าการเขียนไดอารีว่าเวลานั้น เวลานี้ทำอะไร การเขียนบันทึกจะทำให้เรารู้ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นกับชีวิตเราบ้างในระหว่างวัน ทว่าสำหรับนัก(อยาก)เขียนแล้ว ขอบอกไว้เลยค่ะว่าการที่คุณหมั่นเขียนบันทึกบ่อยๆ มันจะช่วยพัฒนาศักยภาพทางการเขียนของคุณให้ขยับไปใกล้เป้าหมายของความสำเร็จในอาชีพงานเขียนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และอย่าลืมว่านักเล่าเรื่องผ่านบันทึกประจำวันที่ดี ต้องมีข้อคิดจากเรื่องนั้นๆ ทิ้งไว้ท้ายเรื่องเพื่อเตือนใจให้คนที่ได้อ่านได้คิดตามไปด้วยเสมอ
ลองแต่งเรื่องสั้นหรือบทความสั้นๆ ดูบ้าง หลังจากกรุยเส้นทางเพื่อเข้าสู่วงการการเป็นนักเขียนมืออาชีพจากการเขียนบันทึกประจำวันไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว หากคุณเริ่มพอมีความมั่นใจมากขึ้นแล้วบ้าง และเริ่มรู้สึกคันไม้คันมืออยากแต่งเรื่องสั้นหรือบทความสักหนึ่งหน้ากระดาษ A4 สักเรื่องดูบ้าง ถ้าเช่นนั้น อย่ารอช้าเลยค่ะ ลงมือวางโครงเรื่องแล้วลงมือเขียนเรื่องสั้นหรือบทความสั้นๆ ที่เป็นประโยชน์ได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าจะผิดหรือถูก จะดีหรือไม่ดี ขอให้มั่นใจว่าอยากจะเขียนแล้วรีบลงมือเขียนออกมาก่อน เมื่อเขียนเสร็จแล้วจึงทิ้งไว้สัก 1-3 วันหรือสักคืนหนึ่งก็ได้ ผ่านไปอีกวันก็กลับมานั่งอ่านทบทวนขัดเกลาใหม่ เพื่อที่ให้ความคิดเรายิ่งตกผลึกมากขึ้นและได้นำมาปรับเสริมเติมแต่งกับบทความนั้นๆ ในวันต่อไปนั่นเอง
ให้รอบตัวอ่านแล้วนำคอมเมนท์มาปรับปรุง เมื่อคุณได้ลงมือเขียนบทความหรือเรื่องสั้นสักเรื่องมาสักระยะหนึ่งแล้ว แนะนำให้หาคนอ่านค่ะ ไม่ต้องมองหาใครไกลตัวหรอก เอาคนรอบๆ ตัวเรานี่แหละ เมื่อก่อนตอนแก้วใสลงมือเขียนใหม่ๆ ก็เริ่มจากเขียนให้เพื่อนๆ อ่านเหมือนกัน และพอมั่นใจฝีมือมากมาอีกระดับจึงส่งให้สนพ.ได้อ่านบ้าง แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่เพิ่งให้คนรอบตัวอ่าน หากเขาคอมเมนท์หรือมีคำติชมมาว่าอย่างไร แนะนำอย่าเพิ่งท้อเสียละรู้มั้ยคะ แต่ให้คุณนำคำติชมเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขต่อไปเรื่อยๆ หากทำได้ตามนี้โดยไม่ย่อท้อ รับรองค่ะว่าต้นฉบับงานเขียนของคุณสักเรื่องจะต้องเป็นที่เข้าตาบรรณาธิการสำนักพิมพ์สักแห่ง หรือคุณอาจจะมีฝีมือในการเขียนบทความอัพเดทลงเว็บไซต์เพื่อติด Adsense ก็ได้เช่นเดียวกัน แถมยังทำรายได้ได้อีกระดับโดยที่รับงานสบายๆ ทำอยู่แต่ที่บ้านจนคนรอบตัวได้แต่อิจฉาชีวิตการเป็นนักเขียนของคุณอย่างแน่นอนค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการเริ่มต้นก่อนเป็นนักเขียนมืออาชีพ วิธีเหล่านี้แก้วใสผ่านมาหมดแล้ว และการันตีได้ว่านักเขียนมืออาชีพหลายท่านก็ล้วนทำแบบเช่นเดียวกันนี้ สำหรับใครที่อยากเป็นนักเขียน ไม่ต้องรอช้ากันแล้วนะคะ แค่หมั่นทำตัวเป็นนักอ่านและลงมือเขียน เขียนและเขียนสิ่งต่างๆ ที่เราอยากเขียนลงไป ความฝันที่เราหว่านเมล็ดพันธุ์เม็ดเล็กๆ ไว้ในวันนี้ วันหน้ามันก็ย่อมเติบโตผลิดอกออกผลให้เราเก็บเกี่ยวอย่างแน่นอนค่ะ