
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2554 ผมได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก และได้ต่อเครื่องที่ LA แต่เนื่องจากเป็นการเดินทางเข้าสู่สหรัฐเป็นครั้งแรกทำให้เกิดความล่าช้าในการเข้า ตม. กว่าผมจะผ่าน ตม.ออกมาได้เวลาเป็นชั่วโมงกว่า จึงทำให้ผมต่อเครื่องช้าและไม่ทันเครื่องในที่สุด ผมหันซ้ายหันขวาจะถามใครดี ถามเจ้าหน้าที่ยกกระเป๋า เค้าก็ไม่สนใจเราสักที อาจจะเป็นเพราะว่าบุญเรายังมี เจอฝรั่งใจดีสองผัวเมียคู่หนึ่งเข้า พวกเขาจึงเข้ามาถาม ผมก็พูดไม่เป็นได้แต่นำตั๋วให้เขาดูพร้อมกับพูดว่าโฟนิกซ์ (Phoenix) เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เขาไม่ได้อ่านว่า โฟนิกซ์ แต่เขาอ่านว่า ฟีนิกซ์ เป็นเมืองหลวงแห่งรัฐอริโซนา และเจ้าเมืองฟีนิกซ์นี่แหล่ะทำให้ผมอยากเขียนตำนานฟีนิกซ์ แต่ไม่ใช่เมืองฟีนิกซ์นะ แต่เป็นนกชนิดหนึ่ง เขียนว่า Phoenix, Phenix
ตำนาน นกฟีนิกซ์แห่งอียิปต์
จุดเริ่มต้นของนกฟีนิกซ์มาจากวรรณกรรมของกรีกโบราณที่มีชื่อว่า Account of Egypt อันเป็นผลงานของเฮโรโดตัส นักประวัติศาสตร์ของชาวกรีกโบราณ (เมื่อประมาณ 430 ปี ก่อนคริสตกาล) ในปกรณัมได้กล่าวไว้ว่า นกฟีนิกซ์มีอายุได้ 500 ปี มันจะรู้ล่วงหน้าว่าจะสิ้นอายุขัยเมื่อใด จึงได้สร้างรังจากไม้เครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม แล้วจึงนั่งคอยที่กองฟืนไม้หอมนั้นและร้องเพลงอย่างเบิกบานใจ เมื่อแสงอาทิตย์แรกได้สาดส่องมา นกฟีนิกซ์จะแผดเผาตัวเองจนกลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นจะมีนกฟีนิกซ์หนุ่มกำเนิดขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านนั้น
เมื่อนกฟีนิกซ์หนุ่มกำเนิดขึ้นมาแล้ว เหมือนรู้หน้าที่ของตน ภาระกิจแรกที่นกฟีนิกซ์หนุ่มจะต้องทำก็คือ การรวบรวมเศษเถ้าถ่านของผู้ให้กำเนิดตัวเอง (แสดงว่านกฟีนิกซ์หนุ่มเกิดบนกองเถ้าถ่าน แต่ไม่ใช่เถ้าถ่านเป็นนกฟีนิกซ์) แล้วจึงนำไปฝังที่วิหารเฮลิโอโปลิส หรือนครแห่งตะวันในอียิปต์ จากนั้นนกฟีนิกซ์นั้นก็จะบินกลับมาที่อาระเบียและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นจนกว่าจะเปลี่ยนร่างอีกครั้ง (500 ปี หรือ 1,461 ปี)
จุดกำเนิดของตำนานเจ้านกฟีนิกซ์นี้เชื่อว่าน่าจะมาจากคัมภีร์แห่งเวทมนตร์เล่มหนึ่งชื่อว่า Book of Dead ของชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งได้กล่าวถึงนกยักษ์ซึ่งลักษณะคล้ายนกฟีนิกซ์ที่กล่าวมานี้ นกยักษ์ที่กล่าวถึงในคัมภีร์นี้เป็นต้นแบบของวิญญาณอิสระที่ลุกขึ้นมาจากกองไฟ แล้วโบยบินไปยังเฮลิโอโปลิสเพื่อเป็นการประกาศยุคใหม่ เนื่องจากว่าอาทิตย์ได้สาดแสงไล่หลังนกซึ่งบินจากตะวันออกไปสู่ตะวันตก นกนั้นจึงปรากฏตัวพร้อมกับเช้าของวันใหม่ จนได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งไฟและดวงอาทิตย์ ไปในที่สุด
เหตุเพราะเจ้านกฟีนิกซ์นี้สามารถเกิดใหม่ได้จากกองเถ้าถ่านของตัวเอง จึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นขึ้นจากความตาย ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักกวีและนักประพันธ์ในชั้นหลังหลายคน จนเรื่องราวแห่งนกฟีนิกซ์ได้เข้าไปแทรกซึมอยู่ในวรรณกรรมของทวีปยุโรปหลายเรื่องด้วยกัน
นอกจากนั้นแล้วยังมีอีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า อพอลโล ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ ได้เห็นความสวยงามของนกฟีนิกซ์ จึงได้ขอให้นกนั้นมาอยู่ข้างกายพระองค์ พร้อมกับมอบพรวิเศษให้คือมีชีวิตอมตะ แก่นกฟีนิกซ์นั้นเป็นการตอบแทน ซึ่งนกฟีนิกซ์ก็ยินดีทำตามและขับร้องเพลงสรรเสริญเทพอพอลโล
อีกปกรณัมได้กล่าวอีกว่า นกฟีนิกซ์จะอาศัยอยู่ในบริเวณแหล่งน้ำที่มีอากาศเย็นสบายแถบอาระเบีย ในทุก ๆ เช้าที่ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสง อพอลโลเทพแห่งดวงอาทิตย์จะต้องหยุดเพื่อฟังเสียงร้องอันไพเราะจับใจยิ่งนักของนกฟีนิกซ์ อาหารที่นกฟีนิกซ์ชื่นชอบ ได้แก่ สายลมอ่อน ๆ, น้ำอมฤต, น้ำค้าง หรือหมอกอันบริสุทธิ์ที่ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำและทะเลในยามเช้า
นกฟีนิกซ์เป็นสัตว์ที่มีปกตินิสัยที่อ่อนโยน สามารถหายตัวได้และปรากฏตัวใหม่ได้ตามใจนึก เสียงร้องของนกฟีนิกซ์มีพลังแห่งเวทมนตร์ สามารถปลุกความกล้าหาญได้ และสามารถทำให้เกิดความกลัวในจิตใจที่คิดร้ายได้ น้ำตาของนกฟีนิกซ์ก็เป็นดังโอสถอันวิเศษจากสรวงสวรรค์ มีพลังอำนาจในการรักษาบาดแผลและชุบชีวิตให้ฟื้นคืนได้ ไม่ก็ใช่ว่านกฟีนิกซ์จะเสียน้ำตาให้ใครได้ง่าย ๆ นอกจากผู้นั้นมีบุญหรือมีคุณงามความดีที่ควรแก่การฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
จากความเชื่อเกี่ยวกับนกฟีนิกซ์ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ จึงทำให้ปกรณัมของกรีกและโรมันเชื่อว่า นกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์แห่งการมีชีวิตที่เป็นอมตะ การฟื้นคืนชีพขึ้นมา และยังได้เกี่ยวข้องกับเทพแห่งดวงอาทิตย์คืออพอลโล ด้วยความเชื่อนี้ ในช่วงต้นของคริสต์ศาสนาก็ได้มีการนำเอารูปนกฟีนิกซ์มาสลักเป็นลวดลายบนหินปิดไว้ที่หลุมฝังศพ ซึ่งแสดงให้รู้ว่าผู้ที่จากไปแล้วนั้นจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งเหมือนนกฟีนิกซ์
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wik/ฟีนิกซ์_(เทพปกรณัม)