ตำนานเกี่ยวกับนางผมหอมนั้น เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนกับช้าง ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัวและรักใคร่กลมเกลียวกันกว่าคนกับคนเสียอีก วันนี้เรามีตำนานนางผมหอม กับช้างผู้เป็นพ่อให้กับนางผมหอมมานำเสนอ ทำไมช้างกับคนจึงรักกันได้ถึงเพียงนี้ ทำไมช้างจะต้องเสียใจกระทั่งตาย ต้องลองไปอ่านกัน
ต้นกำเนิดของเรื่องนางผมหอม
เรื่องนางผมหอมนั้น เป็นนิทานพื้นบ้านอีสานที่ถูกเล่าขานสืบต่อกันมา ซึ่งเกิดในตำบลภูหอ อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย โดยมีหญิงสาวผู้หนึ่ง หน้าตาสวยงาม เป็นที่เลื่องลือถึงความงดงามของคนระแวกนี้ เขาตั้งบ้านอยู่ใกล้ กับภูหอ วันหนึ่งได้เดินเข้าไปเที่ยวในป่า บริเวณภูหอกับเพื่อนอีกหลายคน นางมีความสุขและเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวป่ามากกระทั่งหลงป่า จากนั้นนางก็รู้สึกหมดแรงและกระหายน้ำ นางจึงได้ไปดื่มน้ำรอยเท้าช้าง ที่มีปัสสาวะของช้างอยู่ด้วย
จากนั้นเมื่อนางกลับบ้านได้ตั้งท้องขึ้น โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง พ่อแม่ของนางพยายามหาคำตอบจากนางว่าใครคือพ่อของเด็ก และนางเล่าให้ฟังตามความเป็นจริง แล้วสงสัยว่าคงเป็นลูกของพญาช้าง หรือไม่ก็พญาโค พ่อแม่เมื่อได้ฟังคำตอบแบบนั้น จึงไม่ได้ถามต่อขอเพียงให้ได้หลานก็พอใจที่สุดแล้ว
เมื่อเวลาล่วงเลยถึง 9 เดือน
เมื่อเวลาครบ 9 เดือนนางได้คลอดลูก ออกมาเป็นเด็กหญิงสองคน คนพี่ชื่อว่า นางผมหอม เพราะผมของนางมีกลิ่นหอมตั้งแต่แรกเกิด ส่วนอีกคนมีชื่อนางลุนเพราะเป็นน้อง (ลุน เป็นภาษาอีสานแปลว่าทีหลัง) นางผมหอมมีนิสัยดี เป็นคนโอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ต่างจากนางลุนมาก เพราะเป็นคนขี้อิจฉา ใจร้าย และชอบรังแกคนอื่น รวมทั้งชอบรังแกและแกล้งนางผมหอมอยู่เสมอ กระทั่งนางผมหอมและนางลุนได้เติบโตตามกาลเวลาที่ผ่านไป จากตอนเด็กที่ถูกล้อว่า เป็นลูกไม่มีพ่อ เมื่อไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ จะต้องถูกล้ออย่างนั้นเสมอ ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ กระทั่งโตเป็นสาวก็ยังโดนล้อเช่นนั้นอยู่ ดังนั้นนางทั้งสองจึงไปถามเอาความจริงจากแม่เกี่ยวกับพ่อ
เมื่อนางผมหอมอยากเจอพ่อที่แท้จริง
วันเดือนปีผันผ่านไปหลายปี นางผมหอมและนางลุนเติบโตเป็นสาว นางทั้งสองต้องการออกไปเที่ยวป่าเพื่อตามหาพ่อของตัวเอง ซึ่งนางทั้งสองเข้าใจว่าพ่ออยู่ในป่าภูหอแห่งนั้น โดยนางผมหอมได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากพญาช้างเป็นพ่อของนางจริง ขอให้นิมิตเห็นพญาช้าง จากนั้นตอนกลางคืนนางผมหอม ได้ฝันเห็นพญาช้างตามที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ ต่อจากนั้นนางผมหอมได้เล่าเรื่องในฝันให้แม่ฟัง แม่จึงอนุญาตให้ไปเที่ยวป่าเพื่อตามหาพ่อได้
นางผมหอมได้พบพ่อสมความตั้งใจ
ทั้งนางผมหอมและนางลุน ได้เดินเข้าไปเที่ยวติดตามหาพ่อในป่า ซึ่งทั้งสองได้พบกับพญาช้าง ผู้เป็นพ่อรูปร่างใหญ่โต มีงายาว พญาช้างเห็นก็วิ่งเข้าหานางทั้งสอง นางทั้งสองเห็นอย่างนั้น จึงเกิดความกลัวและยกมือไหว้ ขอชีวิต และเล่าเรื่องของตนให้กับพญาช้างฟัง พญาช้างฟังความแล้วก็เกิดใจอ่อน และเกิดความสงสัยว่าเป็นลูกของตนเองจริงหรือไม่ จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากนางผมหอมและนางลุน เป็นลูกของตนจริง ขอให้ปีนเหยียบงาของตนเองและไต่ขึ้นบนหลังได้ จากนั้นนางผมหอมก็ปีนขึ้นหลังได้ ส่วนนางลุนปีนไม่ได้เพราะเป็นลูกของวัวป่า เมื่อพญาช้างรู้ว่านางลุนไม่ใช่ลูกของตัวเองจึงโกรธมาก และกระทืบนางลุนจนตาย นางผมหอมขอร้องไว้ไม่ทัน และนางเศร้าโศกเสียใจมากเมื่อนางลุนตาย
นางผมหอมไปอยู่กับพ่อที่ป่าภูหอ
หลังจากที่พญาช้างปลอบนางผมหอม ให้หายจากความเสียใจที่นางลุนตาย ก็ได้ขอให้นางผมหอมขึ้นไปอยู่บนภูหอ และนางผมหอมก็ยอมขึ้นไปอยู่ด้วย จากนั้นพญาช้างก็จึงได้ให้ช้างทั้งหลายที่เป็นบริวาร มาช่วยกันสร้างปราสาท ให้กับนางผมหอมอย่างสวยงาม และดูแลนางอย่างดี วันหนึ่งนางผมหอมไปอาบน้ำ นางได้เอาเส้นผมของนางสามเส้นใส่ในผอบทอง แล้วเขียนสื่อสารรักลอยไปตามแม่น้ำเลย (ต้นกำเนิดแม่น้ำเลยอำเภอภูหลวง)
ท้าววรวิจิตรตอบสารรักกลับนางผมหอม
ท้าววรวิจิตร บุตรชายของเจ้าฟ้าฮ่มขาว (ปัจจุบันคือบ้านทราย ตำบลทรายขาว อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย)ได้ลงไปอาบน้ำพร้อมข้าทาสบริวาร ที่ท่าน้ำแม่น้ำเลย ขณะที่ท้าววรวิจิตรอาบน้ำ ได้มองเห็นผอบที่นางผมหอมใส่สารรักของนางแล้วลอยมาตามน้ำนั้น เมื่ออ่านดูแล้วทำให้มีจิตใจหวั่นไหว และคิดถึงเจ้าของสารในผอบนั้น จากนั้นท้าววรวิจิตรจึงเขียนสารรัก ตอบกลับไปในผอบทอง และท่านได้อธิษฐานว่า หากเจ้าของเส้นผมและสารรักนี้อยู่ที่แห่งหนตำบลใด ก็ขอให้สารรักนี้ลอยน้ำไปที่แห่งนั้น แล้วผอบก็ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปยังต้นน้ำที่ลอยมา ที่ปากห้วยฮ่อม แล้วนางผมหอมจึงได้เปิดสารรักนั้นออกอ่านดู
ต่อมาท้าววรวิจิตรและนางผมหอมได้พบกัน จึงเกิดความรักขึ้นต่อกัน แล้วครองรักกันบนปราสาทนานหลายปี กระทั่งมีบุตรชายด้วยกัน เมื่อพญาช้างรู้ข่าวนี้กลับโกรธและเสียใจมาก จึงใช้งาช้างแทงและงัดภูเขาให้ทลาย กระทั่งหินบนภูเขาพังทลายเกลื่อนกลาด ดังเช่นที่ปรากฎให้เห็นเป็นภูหอในปัจจุบัน
น้ำตาแห่งความเสียใจของพญาช้าง
พญาช้างเสียใจมากจนน้ำตาไหลนองท่วม และกลายเป็นหนองน้ำแห่งหนึ่งในภูหอ ชื่อหนองน้ำตาช้าง เมื่อนางผมหอมรู้ข่าวจึงมาปลอบใจพ่อ พญาช้างจึงสั่งเสียลูกว่า หากพญาช้างตาย ให้เอางาและกระดูกของพ่อมาทำเป็นเรือ แล้วพากันกลับเมือง จากนั้นพญาช้างได้สิ้นลมหายใจตรงลานช้างตาย (เป็นลานกว้างอยู่เชิงภูหอ) หลังจากเก็บศพพ่อเรียบร้อยแล้ว นางผมหอมได้เอางาและกระดูก ทำตามที่พ่อสั่งไว้เพื่อกลับเมืองเซไล และต่อมาท้าววรวิจิตร ได้ขึ้นครองราชย์แทนบิดาที่ถึงแก่อนิจกรรม แล้วปกครองเมืองด้วยความผาสุกตลอดมา
การจัดงานสืบสานประเภณีพญาช้างนางผมหอม
ชาวจังหวัดเลยและอำเภอภูหลวง มีกำหนดจัดงานสืบสานประเพณีพญาช้าง – นางผมหอม เป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ณ วัดโนนสว่างบ้านหนองบัว อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย ตำนานนางผมหอมที่เรานำเสนอมานั้น เป็นนิยายอิสานที่เล่าสืบต่อมานาน ถึงแม้จะเป็นนิทานแต่ได้ทำให้เราเห็นวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน กับการอยู่อาศัยร่วมกับป่า และสัตว์ป่าอย่างลงตัว อีกทั้งเรื่องคติความเชื่อสอนใจที่แฝงไว้ในเรื่องนี้ ได้แก่ การให้ความเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส โดยเฉพาะพ่อแม่บิดามารดา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด แต่พ่อแม่คือผู้มีพระคุณ ที่ลูกต้องยกย่องเทิดทูนท่านอยู่เสมอ