ผมได้ทำการปิดคอมเมนต์ของเว็บไซต์ เนื่องจากมีน้องคนหนึ่งแจ้งมาว่า เขาได้ติดต่อหมอทำเสน่ห์ หรืออาจจะเป็นหน้าม้าของหมอทำเสน่ห์ผมก็ไม่ทราบได้ ซึ่งเขาได้มาคอมเมนต์ที่โพสต์ พิธีเรียกจิตคนด้วยตนเอง ให้เค้าโทรหา กลับมาเหมือนเดิม ใช้ได้ผลมาแล้ว
น้องเขาเล่าให้ฟังว่าเจอเว็บไซต์ของผมผ่านการค้นหาผ่านทาง Google ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะบทความนี้ติดอันดับต้น ๆ หรือหน้าแรก ๆ ของคีย์เวริ์ดเรียกจิตคนรักให้กลับมา และน้องเค้าได้ไล่อ่านคอมเมนต์ข้างล่างบทความซึ่งมาหน้าม้ามาโฆษณาหมอทำเสน่ห์เป็นจำนวนมาก หน้าม้าเหล่านี้จะขึ้นต้นข้อความประมาณว่า “เมื่อก่อนฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องทำเสน่ห์จะมีจริง ไม่เชื่อว่าจะมีหมอทำเสน่ห์คนไหนทำได้ จนฉันได้พบกับปัญหาด้วยตนเอง แฟนหนีไปอยู่กับคนอื่น ฉันคิดหนักจนทำอะไรไม่ถูก คิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง เดชะบุญเพื่อนคนหนึ่งได้แนะนำหมอเรียกจิตให้ได้รู้จัก ตอนฉันก็ไม่เชื่อ มันทำได้จริงหรือ หลอกกันหรือเปล่า แต่มันเป็นเส้นฟางสุดท้ายแล้ว ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ขนาดจะคิดฆ่าตัวตายฉันยังทำ แล้วมาทำเสน่ห์จะเป็นอะไร ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ฉันจึงตัดสินใจโทรไปหาหมอทำเสนห์ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง หมอให้ยกค่าครู และทำพิธีเรียกแฟนกลับมา คุณเชื่อไหม แฟนฉันมาภายใน 5-7 วัน ฉันแทบไม่เชื่อสายตา ทั้งที่ผ่านมาไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น ฉันจึงเชื่อว่านี่คือของจริง หมอทำเสน่ห์เรียกแฟนฉันกลับมาจริง ฉันนำเรื่องนี้มาเล่าเพราะเข้าใจหัวอกคนที่ถูกแฟนทิ้งว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน เรื่องเหล่านี้มีจริง หมอที่ทำได้ก็มีจริงค่ะ หมอทำเสน่ห์คนนี้ของจริง ฉันพิสูจน์มาแล้ว ฉันมีเบอร์ของเหมาะที่เก็บไว้ในเครื่อง เผื่อท่านอื่นสนใจ โทรที่เบอร์ ……………….. ตัดสินใจเลยค่ะ ก่อนที่จะสายเกินแก้” นี่คือขั้นตอนแรกของหมอทำเสน่ห์ โดยการทำเป็นหน้าม้ามาโพสต์
น้องคนนั้นได้ติดต่อไปตามเบอร์ที่เขาได้ให้ไว้ บอกเล่าความเป็นมาให้หมอทำเสน่ห์ฟัง ในเบื้องต้นหมอทำเสน่ห์จะขอรูปถ่าย ชื่อ นามสกุล ของน้องและแฟน นี่ก็เป็นจิตวิทยาในการตกเหยื่ออย่างหนึ่ง ให้เขาส่งรูปข้อมูลส่วนตัวมาก่อน แต่น้องเขาไม่มีรูปถ่ายในเครื่อง แต่มีรูปถ่ายบัตรประชาชนของตนเองและแฟนที่โทรศัพท์จึงได้ส่งรูปบัตรประชาชนของตนเองและแฟนให้หมอทำเสน่ห์ไป นี่ก็เป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่งของน้องเค้า แต่อย่างว่าแหล่ะ คนเมื่อมีความทุกข์อาจจะคิดอะไรไม่ออกในขณะนั้น คิดแต่อยากให้เค้ากลับมาเหมือนเดิม หมอทำเสน่ห์ก็ทำเป็นดูดวงและทายทักประมาณว่า “นี่น้องกับเขายังเป็นเนื้อคู่กันอยู่นะ สามารถดึงกลับมาได้ แต่ต้องรีบหน่อย ตอนนี้แฟนของน้องยังรักน้องอยู่ แต่เขาติดตรงที่คนที่เขาไปอยู่ด้วยนั้นมีเงิน รวย สวย หรืออาจจะทำคุณไสยใส่ด้วยซ้ำ ต้องเช็คดูก่อน แต่สามารถเรียกกลับมาได้เหมือนเดิม” หมอดูจะพูดให้ความหวัง และพยายามพูดแทงใจ ซึ่งสิ่งที่หมอทำเสน่ห์พูดก็เป็นเรื่องจิตวิทยาพื้น ๆ ไม่ใช่มีคุณวิเศษในการทำนายทายทักอะไรหรอก แต่ผมว่าจุดนี้ก็ไม่เท่าไหร่ อาจจะเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปที่หมอทำเสน่ห์ทุกคนจะพูดได้
หมอทำเสน่ห์ก็ยิงประเด็นมาเลยว่า “ต้องรีบทำนะ ถ้าช้าอาจจะทำไม่ได้ วันนี้มีฤกษ์ในการทำพอดี ถ้ารอฤกษ์ใหม่ต้องอีกหลายวัน ซึ่งอาจจะทำไม่ได้ หรืออาจจะยุ่งยากกว่านี้ ต้องรีบทำ นี่ก็กำลังเตรียมพิธีให้คนอื่นเหมือนกัน วันนี้ฤกษ์ดีมาก” ต่อด้วยการให้น้องเค้าโอนเงินทันที ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายมากพอควร
น้องเขาก็บอกว่า “หนูมีเงินแค่นี้ จะทำยังไงล่ะ หนูมีเงินเท่านี้จริง ๆ” หมอดูก็ตอบว่า “มีแค่นี้ก็โอนแค่นี้ก่อน มีแค่ไหนก็โอนมาแค่นั้นก่อน เดี๋ยวไม่ทัน จะเสียฤกษ์”
น้องเค้าจึงตัดสินใจโอนเงินให้เงินให้จำนวนหนึ่ง แต่มาไม่กี่นาที หมอดูก็โทรมาว่า “น้องต้องโอนเงินมาอีกนะ เงินแค่นี้ไม่พอทำพิธี ขั้นแรกต้องใช้เงินหมื่นห้า น้องต้องโอนมานะ กำลังเตรียมของทำพิธี”
น้อง : “ไหนอาจารย์บอกว่า มีแค่ไหนก็โอนมา มีแค่นี้ก็ให้โอนแค่นี้ อาจารย์ไม่ได้บอกว่าจะต้องให้โอนเป็นหมื่น ก็ตกลงกันแล้วนี่คะ”
หมอทำเสน่ห์ : “ไม่ได้ค่ะ พิธีนี้ต้องใช้เงินเตรียมพิธีเป็นหมื่นค่ะ”
น้อง : หนูไม่มีเงินค่ะ ถ้างั้นหนูขอยกเลิกนะคะ”
หมอทำเสน่ห์ : “ไม่ได้ค่ะ อาจารย์เตรียมของทำพิธีแล้ว จัดของทำพิธีแล้ว เสียเงินจ่ายค่าสิ่งของแล้ว หยุดไม่ได้ค่ะ ต้องจ่ายนะคะ นี่กำลังเตรียมกันอยู่กับลูกศิษย์ค่ะ”
น้อง : “หนูไม่มีเงินแล้ว หนูไม่โอนค่ะ”
หมอทำเสน่ห์ : “งั้นอาจารย์จะเรียกเก็บกับแฟนหนูนะคะ”
พอหมอทำเสน่ห์พูดว่าจะเรียกเก็บกับแฟน ทำให้น้องเขาคิดหนักเลยว่า เสียท่าให้หมอทำเสน่ห์แล้วที่ได้ส่งสำเนาบัตรประชนให้แก่หมอดู ถ้าหมอทำเสน่ห์มีจรรยาบรรจริง เป็นคนช่วยเหลือคนอื่นจริง ไม่ควรพูดขู่น้องเขาแบบนี้ การพูดแบบนี้เหมือนแบล็กเมล์น้องเขา ซึ่งหมอดูรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าน้องเขามีความทุกข์ เพราะทะเลาะแยกกับแฟนไปแล้ว หมอทำเสน่ห์พูดแบบนี้ยิ่งสร้างความทุกข์ใจให้แก่น้องอีก แทนที่จะได้แฟนคืนกลับมาเหมือนเดิม กลับทำให้แฟนน้องเค้าทะเลาะกับน้องหนักมากขึ้นและเกลียดชังน้องเค้าได้ หมอทำเสน่ห์ไม่มีสิทธิ์พูดอย่างนั้น ไม่มีสิทธิ์จะไปเรียกเก็บเงินกับแฟนน้องเค้า ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับแฟนน้องเค้าเลย และเป็นเรื่องส่วนตัวของน้องเค้าด้วย
เกี่ยวกับเรื่องหมอทำเสน่ห์เรียกจิตให้กลับมานั้น ผมได้ยินได้ฟัง ได้อ่านมาเยอะ หมอทำเสน่ห์เขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมในการพูดให้เราเสียเงินไปเรื่อย ๆ เช่นให้เราโอนเงินไปก่อน พอสักพักก็บอกว่าเงินไม่พอต้องใช้อุปกรณ์ในการทำเยอะ ถ้าเราไม่โอนก็บอกว่าไม่ได้เสียค่าซื้ออุปกณ์ไปแล้ว บางคนจึงจำเป็นต้องโอนเพื่อให้เขาทำพิธีเรียกจิต พอทำได้ 1-3 วัน เขาก็จะโทรมาบอกว่ากรณีนี้ทำยากน้องแฟนน้องโดนของ มือที่สามทำของใส่น้องต้องแก้ของที่ตัวแฟนน้องก่อน แล้วก็ให้เราโอนเงินอีกไม่ใช่น้อย เป็นหลักหมื่นนะครับ พอทำไปได้สักพักก็โทรมาบอกอีกว่า นี่ทำแล้วนะแก้ของที่แฟนน้องได้แล้ว แต่น้องก็โดนของอีกคน จะได้อยู่แล้ว แต่น้องก็มาโดนของ ต้องแก้ของที่น้องอีก แล้วก็ให้โอนอีก เสียเงินอีกเป็นหมื่น คือหมอทำเสน่ห์เขาจะมีทีมงาน มีวิธีการพูดหลอกล่อให้เชื่อตาม หลายคนที่ตกเป็นเหยื่อ
สิ่งที่น้องเค้ากังวลก็คือ
- กลัวว่าหมอทำเสน่ห์จะนำสำเนาบัตรประชาชนไปทำอะไรที่เสียหาย ไปทำธุรกรรมอะไรสักอย่างแล้วทำให้เสียหายแก่เจ้าของบัตร ผมจึงแนะนำว่า ให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจว่าเราได้ส่งสำเนาเอการไปให้บุคคลผู้นี้ตามไลน์ ID นี้ หมายเลขโทรศัพท์นี้ บัญชีธนาคารชื่อนี้ เมื่อวันที่นี้ ๆ เผื่อมีปัญหาอะไรขึ้นมาอาจจะช่วยได้ และอาจจะต้องไปทำบัตรประชาชนใหม่ ให้ถือว่าบัตรเก่านั้นถูกยกเลิกไปแล้ว
- น้องเค้ากังวลว่าหมอทำเสน่ห์จะทำคุณไสยใส่น้อง เรื่องนี้ผมพูดได้เลยว่า เขาไม่ทำแน่ เพราะเขาทำไม่ได้หรอก เขามีแต่หลอกลวงเอาเงินคนอื่น เขาทำคุณไสยใส่ใครไม่ได้ และไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ นะครับคุณไสย ต้องมีข้อมูลของเป้าหมายมากกว่านี้ เช่น เส้นผม เสื้อผ้า ไม่ใช่นั่งสวด ๆ แล้วก็ทำได้ ต้องมีอุปกรณ์ที่หายาก เขาไม่มาลงทุนอะไรตรงนี้หรอก เงินเขาก็ได้ไปฟรี ๆ แล้วส่วนหนึ่ง
- กลัวหมอเสน่ห์จะส่งจดหมาย หรือโทรไปทวงเงินกับแฟนที่เลิกกัน ข้อนี้ผมก็คิดว่าหมอทำเสน่ห์ไม่ทำแน่ เป็นแค่การแบล็กเมล์น้องเค้าเฉย ๆ หรือขู่ให้น้องเค้ากลัว เพื่อที่จะโอนเงินให้เขา เพราะหมอทำเสน่ห์รู้ดีกว่า แม้จะทวงไปที่แฟนเก่าที่เขาเลิกไปแล้วยังไงก็ไม่ได้เงินแน่ มีหรือแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้วเขาจะจ่ายเงินให้แก่หมอทำเสน่ห์ แฟนเก่าเขาก็ต้องไล่ให้มาเอากับน้องเค้าอยู่ดี
เมื่อพูดถึงหมอทำเสน่ห์ หมอเรียกจิต แล้วเว็บไซต์ prakumkrong.com ล่ะ ว่าแต่คนอื่น แต่ก็เขียนเกี่ยวกับการเรียกจิตมากมายหลายบทความ เขียนทำไม ได้ผลจริงไหม ซึ่งผมต้องขอชี้แจงอย่างนี้นะครับ
- ผมเขียนตามความเชื่อ ที่เชื่อตาม ๆ กันมา จะเรียกว่าเขียนความรู้เกี่ยวกับความเชื่อก็ว่าได้ แต่ไม่ได้เขียนให้ท่านมาเชื่อหรือต้องทำตาม
- ผมเขียนตามหลักทฤษฎี เช่น สีผึ้งตามหลักทฤษฎีมีสรรพคุณอย่างนี้ ปลัดขิกมีสรรพคุณอย่างนี้ เหมือนตำราในทางพระพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า ฆ่าสัตว์จะต้องไปสู่อบายภูมิอย่างนี้ นรกขุมนี้ เป็นต้น
- ผมไม่ได้รับทำเสน่ห์ ไม่ได้รับทำพิธีเรียกจิตให้ใคร ได้แต่แนะนำให้ไปทำเอง
- หากมีการเช่าเครื่องรางของขลังในการเรียกจิตกับผม ผมก็จะแนะนำก่อนว่า มันเป็นความเชื่อ ต้องอาศัยบุญกรรม ต้องอาศัยการกระทำของคุณเป็นหลัก
- ผมจะไม่พูดข่มขู่ใคร เช่าเครื่องรางไปทำเอง ได้หรือไม่ได้อยู่ที่บุญกรรม และความพยายามของคุณ
วิธีป้องกันการถูกหลอกจากหมอทำเสน่ห์ หมอเรียกจิต
วิธีป้องกันนี้ ไม่ใช่วิธีคัดเลือกหมอทำเสน่ห์ที่ได้ผล หรือทำได้จริง แต่ป้องกันคนที่มาหลอกเราว่าเป็นหมอทำเสน่ห์หรือสามารถเรียกจิตได้
- หากไปอ่านเจอใครที่ไหนเป็นหน้าม้าในการแนะนำให้เราว่าหมอทำเสน่ห์คนนี้เก่ง ให้เราเช็คข้อมูลคนแนะนำด้วย หากเขาใช้ facebook ในการคอมเมนต์ ต้องดูโปรไฟล์เขาได้ เป็น facebook จริงไหม มีการเคลื่อนไหวไหม มีข้อมูล มีตัวตนจริงไหม หรือแค่เป็นหน้าม้ามาบอก
- หากเขาแนะนำ ID ไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ของหมอทำเสน่ห์มา ให้นำหมายเลขโทรศัพท์ ID ไลน์นั้นไปเช็คดูจาก Google หรือนำไปเช็คที่เพจเรียกคนรักกลับมามีจริงหรือไม่ ถ้าเขาเคยไปหลอกคนอื่นมาก่อน ต้องมีคนเคยมาโพสต์ไว้บ้างล่ะครับ
- ห้ามให้เอกสารเฉพาะ เช่น สำเนาบัตรประชาชนของเราเองหรือของคนอื่น เลขที่บ้าน ที่อยู่ ไม่ต้องให้เขาไป
- อย่าพูดเรื่องส่วนตัวของเราที่จะทำให้เป็นอันตรายต่อตัวเราในภายหลังให้หมอทำเสน่ห์รู้
- หากมีการนัดเจอกัน อย่าไปคนเดียว อย่านำเงินไปเป็นจำนวนมาก เราอาจจะพลาดท่าได้
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องแยกให้ออก แบบไหนคือการหลอกลวง แบบไหนคือความสมัครใจเชื่อของเราเอง ไม่ใช่ทำเสน่ห์เรียกจิตแล้วไม่ได้ผล จะบอกว่าเขาหลอกลวงเสียทีเดียวก็ไม่ใช่นะครับ เพราะมันมีทั้งได้ผลและไม่ได้ผล บางทีเขาอาจจะตั้งใจทำให้เราจริง ๆ ตามความเชื่อหรือตามพิธีกรรมของเขาจริง ๆ แต่มันไม่ได้ผลครับ หรือคุณเช่าเครื่องรางไปแล้ว เขาก็อธิบายไปตามความเชื่อ และวิธีการปฏิบัติตามความเชื่อนั้น ๆ ให้คุณเลือกปฏิบัติเอง ให้คุณตัดสินใจเอง