การถวายภัตตาหารเพล หรือเรียกสั้น ๆ ว่าถวายเพล คือการถวายอาหารแด่พระสงฆ์ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. (จะถวายก่อนนั้นก็ไม่ผิด) ซึ่งการถวายภัตตาหารเพลนั้นก็มีทั้งการถวายเป็นกิจลักษณ์ในโอกาสทำบุญต่าง ๆ เป็นต้นว่า
- ถวายภัตตาหารเพลในบุญขึ้นบ้านใหม่
- ถวายภัตตาหารเพลในบุญเปิดสำนักงาน
- ถวายภัตตาหารเพลในงานทำบุญอุทิศ
- ถวายภัตตาหารเพลในงานบวชพระ
- ถวายภัตตาหารเพลในโรงพยาบาลสงฆ์
- ถวายภัตตาหารเพลในงานทำบุญกฐิน ผ้า
- ถวายภัตตาหารเพลในงานทำบุญวันเกิด
- ถวายภัตตาหารเพลในงานแต่งงาน
ส่วนการถวายภัตตาหารเพลแบบไม่เป็นทางการ แต่ก็ไม่ผิดแต่ประการใด เช่น ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ที่ร้านอาหาร ถวายภัตตาหารเพลที่ร้านก๊วยเตี๋ยว ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุที่กำลังเดินทางบนรถโดยสาร ถวายภัตตาหารเพลแก่พระที่เดินผ่านมาในเวลาเพลพอดีก็นิมนต์ท่านรับอาหารเพลได้
หากถวายภัตตาหารเพลเป็นกิจลักษณะจะพึงกล่างคำถวายภัตตาหารก็ได้ ไม่กล่าวก็ได้ แค่กล่าวนิมนต์ท่านนั่งลง และทำการประเคนภัตตาหารท่าน ก็เป็นอันใช้ได้ แต่นั้นทานจะอนุโมทนาให้พรเป็นลำดับไป
คำถวายภัตตาหาร แบบทั่วไป
อิมานิ, มะยัง ภันเต, ภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมานิ, ภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ปะฎิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ฑีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวาย, ภัตตาหาร, กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้, แด่พระสงฆ์, ขอพระสงฆ์, โปรดรับภัตตาหาร, กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพื่อประโยชน์, เพื่อความสุข, แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
คำถวายภัตตาหาร แบบอุทิศ
อิมานิ มะยัง ภันเต, มะตะกะภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ,
สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมานิ, มะตะกะภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัญเจวะ, มาตาปิตุอาทีนัญจะ, ญาตะกานัง, กาละกะตานัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวาย, มะตะกะภัตตาหาร, กับทั้งบริวารเหล่านี้, แก่พระสงฆ์, ขอพระสงฆ์โปรดรับ, มะตะกะภัตตาหาร, กับทั้งบริวารเหล่านี้, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพื่อประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย, แก่ญาติ
ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, มีมารดาบิดาเป็นต้น, และ……………..(ชื่อผู้ตาย),
ผู้ทำกาละล่วงลับไปแล้วด้วย, สิ้นกาลนานเทอญ ฯ
อานิสงส์ของการถวายภัตตาหารเพล
สำหรับอานิสงส์ของการถวายภัตตาหารเพลนั้น ก็ไม่ต่างจากการถวายภัตตาหารเช้าโดยปกติ ได้ชื่อว่า
- ให้อายุ ก็ย่อมได้อายุยืนยาว หรือมีโรคน้อย
- ให้วรรณะ ก็ย่อมมีผิวพรรณผ่องใส ได้ยศชั้นวรรณ
- ให้สุขะ ก็ย่อมได้รับความสุขกายสุขใจ
- ให้กำลัง ก็ย่อมได้กำลังกายกำลังใจ กำลังแห่งทรัพย์ กำลังสติปัญญา