ภาวนาแล้ว ไปที่ไหนก็มีแต่คนเมตตา เทวดารักใคร่ให้ความคุ้มครอง เป็นอานิสงส์ยิ่งนัก
คาถามหาเมตตาเทวารักษา
สุขัง สุปะติ สุขัง ปะฏิพุชฌะติ
นะปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ
มะนุสสานัง ปิโย โหติ
อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ
เทวะตา รักขันติ
อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง
คาถาบทนี้ท่านนำมาจากบทเมตตานิสังสะสุตตะปาฐะ กล่าวถึงพระพุทธเจ้าทรงแสดงอานิสงส์ของการแผ่เมตตา เมื่อบุคคลทำจนเป็นปกติแล้ว, เจริญอยู่เสมอแล้ว กระทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยานของใจแล้ว ทำให้เป็นทีอยู่ของใจ ทำให้ตั้งมั่นโดยลำดับแล้ว สั่งสมอยู่เสมอแล้ว ปรารถนาดีแล้ว ย่อมพึงหวังได้ซึ่งอานิสงส์ ๑๑ ประการ ดังนี้
๑ สุขัง สุปะติฯ ย่อมหลับเป็นสุข
๒ สุขัง ปะฏิพุชฌะติฯ ย่อมตื่นเป็นสุข
๓ นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสติฯ ย่อมไม่ฝันลามกร้ายกาจ
๔ มะนุสสานัง ปิโย โหติฯ ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
๕ อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
๖ เทวะตา รักขันติ เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา
๗ นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา ไฟ ยาพิษ หรือศัตรา
สัตถัง วา กะมะติฯ มิอาจกล้ำกรายได้
๘ ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติฯ จิตย่อมตั้งมั่นได้เร็ว
๙ มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติฯ ใบหน้าย่อมผ่องใส
๑๐ อะสัมมุฬโห กาลัง กะโรติฯ ย่อมไม่หลงใหลเมื่อกระทำกาละ(ตาย)
๑๑ อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต เมื่อยังไม่แทงตลอดคุณอันยิ่ง(พระนิพพาน)
พฺรหฺมะโลกูปะโค โหติฯ ย่อมเข้าถึงพรหมโลก
บ้างคนอาจจะถามว่า แค่แผ่เมตตา จะเป็นที่รักของมนุษย์ อมนุษย์ เทวดาหรือ ป้องกันอันตรายจากคนและสัตว์และศัตราทั้งหลายได้หรือ
ตอบว่า ได้สิ แต่อย่าลืมในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสด้วยว่า เมื่อบุคคลทำจนเป็นปกติแล้ว, เจริญอยู่เสมอแล้ว กระทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยานของใจแล้ว ทำให้เป็นทีอยู่ของใจ ทำให้ตั้งมั่นโดยลำดับแล้ว สั่งสมอยู่เสมอแล้ว ปรารถนาดีแล้ว ไม่ใช่แค่นั่งสวดสัพเพ สัตตา แต่ในใจไม่มีเมตตาเลย ไม่มีเมตตาเป็นเครื่องอยู่ของใจ ใจไม่ได้ขับเคลื่อนไปด้วยเมตตา ไม่ได้ทำเป็นอยู่ของใจเลย แบบนี้แม้สวดเป็นชาติก็อาจจะไม่ได้อานิสงส์สูงสุดของเมตตา เพราะจิตไม่มีเมตตาเป็นเครื่องอยู่