หากจะกล่าวถึงบุญในทางพระพุทธศาสนาแล้ว สรุปลงที่
- ทาน การให้ทาน การแบ่งปัน การช่วยเหลือผู้ยากไร้ การขุดบ่อ ก่อศาลา สร้างสะพานให้คนข้าม สร้างทางให้คนเดิน
- ศีล การรักษาศีล การรักษากาย วาจาให้เรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและผู้อื่นด้วยกายและวาจา
- ภาวนา การอบรมพัฒนาตนให้สูงขึ้น ทั้งด้านกายและจิตใจ อบรมพัฒนาด้านสติปัญญาให้รู้เท่า รู้ทัน รู้เห็นตามความเป็นจริง
กล่าวถึงทาน คือการให้ การให้นั้นจะทานกับใคร ที่ไหน คนยากไร้ สัตว์เดรัจฉานก็ได้บุญเหมือนกัน ขอให้สิ่งที่ให้นั้นเป็นสิ่งที่ควรแก่การให้ บุคคลที่ให้ทานนับถือพระพุทธศาสนาหรือไม่รู้จักพระพุทธศาสนาก็ตาม เมื่อให้อย่างถูกวิธี ให้ในสิ่งที่ควรให้ ให้เพื่อช่วยเหลือสังคม ก็ได้บุญเหมือนกัน คือได้บุญเหมือนกัน เป็นบุญเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าได้บุญเท่ากัน ยกตัวอย่างเหมือนเราปลุกต้นดอกไม้บนเนินดินที่แห้งแล้งไม่อุดมด้วยน้ำและปุ๋ยกับปลูกต้นดอกไม้ในที่ดินดีอุดมด้วยน้ำและปุ๋ย ทั้งสองที่นี้อาจจะได้ต้นดอกไม้เหมือนกัน เกิดเป็นต้นดอกไม้เหมือนกัน แต่บนเนินดินที่แห้งแล้งอาจจะได้ดอกไม้ที่มีสีสันไม่สวยงาม จำนวนดอกน้อยกว่าต้นดอกไม้ที่ปลูกในที่ที่อุดมด้วยน้ำและปุ๋ย หรือหากต้องการให้ได้รับผลเท่ากัน สีสวยและจำนวนดอกผลผลิตเท่ากัน ก็ต้องอาศัยความพยายามมากกว่า ต้องรดน้ำมากกว่า ใส่ปุ๋ยมากกว่า อาศัยการดูแลเช้าเย็นมากกว่า ต่างจากที่ดินดีอุดมด้วยน้ำและปุ๋ยซึ่งแค่หวานเมล็ดลงก็งอกเงยขึ้นอย่างสวยงามแล้ว
อีกประการหนึ่ง เหมือนคนที่เก็บขวดขายเก็บขยะขายกับคนที่ขายทองขายเพชรขายรถยนต์ ทั้งสองคนนี้ได้เงินเหมือนกัน แต่ไม่เท่ากัน คนเก็บขวดขายเก็บทั้งวันได้ 100 บาทและต้องใช้ความพยายามมากด้วย ส่วนคนที่ขายเพชรขายทอง นั่งขายอยู่ในห้องแอร์ไม่ต้องพยายามมากคนเดินเข้ามาซื้อเองก็ได้เงินเป็นแสนเป็นล้านแล้ว
มีคำกล่าวในทางพระพุทธศาสนาว่า
ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับคนไม่มีศีลแม้เพียงครั้งเดียว
ทำทานกับคนไม่มีศีล 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าทำทานกับผู้มีศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว
ให้ทานผู้มีศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าให้ทานผู้มีศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว
ให้ทานผู้มีศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานผู้มีศีล 10 แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานผู้มีศีล 10 มากถึง 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแด่สมมุติสงฆ์แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่สมมติสงฆ์ 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระโสดาบันแม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่พระโสดาบัน 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานพระสกิทาคามี 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานพระอานาคามีแม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานพระอนาคามี 100 ครั้ง
ผลบุญยังน้อยกว่าถวายทานให้พระอรหันต์ แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแก่พระอรหันต์ 100 ครั้ง
ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง
ผลบุญยังได้น้อยกว่าถวายทานแด่พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว
ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง
ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายเพียงครั้งเดียว
ถวายสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน 100 ครั้ง
ยังได้บุญน้อยกว่าถวายวิหารทานครั้งเดียว
ถวายวิหารทาน 100 หลัง
ยังได้บุญน้อยกว่าให้ธรรมทานครั้งเดียว
ให้ธรรมทาน 100 ครั้ง
ยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทานครั้งเดียว
อภัยทาน 100 ครั้ง
บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียว
ถือศีล 5 มากถึง 100 ครั้ง
บุญยังน้อยกว่าถือศีล 8 แม้เพียงครั้งเดียว
ถือศีล 8 มากถึง 100 ครั้ง
บุญยังน้อยกว่าการถือศีล 10 ครั้งเดียว
( ถือศีล 10 คือบวชเป็นสามเณร)
บวชเป็นสามเณร รักษาศีลไม่ด่างพร้อย 100 ปี
บุญยังน้อยกว่าผู้อุปสมบทเป็นพระ แม้บวชเพียงวันเดียว
พระพุทธเจ้าตรัสในเบื้องปลายว่า“แม้ จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุ รักษาศีลครบ 227 ข้อ
ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อย 100 ปี บุญกุศลยังน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิให้จิตสงบ(ฌาน)
แม้นานเพียงไก่กระพือปีก”
“ผู้ใดเข้าฌาน นาน 100 ปีและไม่เสื่อม บุญยังน้อยกว่าผู้ที่มองเห็นความเป็นจริงว่า
สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง มาจากการปรุงแต่ง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แม้จะเห็นเพียงชั่วขณะจิตก็ตาม”
ซึ่งคำกล่าวที่ผมยกนำมาเป็นตัวอย่างนี้ ฝากไว้ให้ท่านนำไปพิจารณาตามครับ