ใครที่เคยไปเที่ยวยังวัดวังพระธาตุ จังหวัดกำแพงเพชร จะเห็นว่าด้านหน้าวัดมีศาลของท้าวแสนปม และบริเวณในวัด มีรูปปั้นท้าวแสนปม ที่คนท้องถิ่นและคนทั่วไปให้ความเคารพนับถือ เพราะท้าวแสนปมถือได้ว่าเป็นผู้สร้างเมืองเทพนคร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับนครไตรตรึงษ์ ที่เล่าขาสานกันมานาน วันนี้เราจะพาคุณไปดูตำนานของท้าวแสนปมว่าที่มาที่ไปอย่างไร จึงได้รับการยกย่องนับถือกระทั่งได้เป็นผู้ปกครองเมือง
ความเป็นมาของท้าวแสนปม
มีตำนานเล่าขานของชาวบ้านเกี่ยวกับท้าวแสนปม ในพระราชพงศาวดารกรุงเก่าของ สมเด็จสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ว่าเท้าแสนปมนั้นได้สร้างเมืองใหม่ขึ้นที่เมืองเทพนคร และขึ้นครองราชย์สมบัติในเมืองเทพนคร ในปีจุลศักราช 681 พ.ศ.1862 โดยมีพระนามว่า พระเจ้าสิริชัยเชียงแสนครองราชย์สมบัติ 25 ปี สวรรคตเมื่อจุลศักราช 706 พ.ศ. 1887 พระองค์มีพระราชโอรสคือ พระเจ้าอู่ทอง เหตุเพราะพระราชบิดานำทองคำ มาทำเป็นอู่ให้นอน จึงทรงพระนามตามอู่และขานพระนามว่า พระเจ้าอู่ทอง ซึ่งพระองค์ได้เป็นผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยา เป็นเมืองหลวง และทรงพระนามว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่1
รัชกาลที่ 6 กับตำนานท้าวแสนปม
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวิจารณ์เกี่ยวกับตำนานท้าวแสนปม ที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นนั้น ต้องเป็นเรื่องจริง เพราะช่วงเวลาที่ทรงทิวงคตตรงตามความจริง เพียงแต่ผู้เล่าต่อๆ มาเล่าให้พิสดารเหลือเชื่อเกินไป ซึ่งจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน และพระราชนพนธ์ของรัชกาลที่ 6 มีประวัติของท้าวแสนปมใกล้คียงกัน ที่บอกว่า ท้าวแสนปม คือพระชินเสน โอรสของท้าวศรีวิชัย ได้ยินข่าวเลื่องลือว่านางอุษาธิดาของเจ้าเมืองไตรตรึงษ์งดงาม จึงคิดจะลองพระทัยดู โดยปลอมเป็นชายผู้ยากเข็ญ ชื่อแสนปม เพราะทำปุ่มเต็มตัวเพื่อลองใจนาง แล้วแฝงตัวเข้าไปอยู่กับคนทำสวนหลวง และได้พบนางผู้นั้น พระนางได้ถวายมะเขือให้กับท้าวแสนปม จารึกความรักไว้บนมะเขือ ว่า ในที่นี้ทั้งสองกษัตริย์ได้ลักลอบพบกัน จนนางอุษาตั้งพระครรภ์ ชาวบ้านที่ไม่รู้ความจริง จึงคิดว่าพระนางอุษากินมะเขือแล้วท้อง
ตำนานเท้าแสนปมกับรูปร่างอันน่าเกลียด
มีตำนานท้าวแสนปมเล่าไว้ เมื่อนานมาแล้ว มีชายผู้หนึ่ง ที่ถูกลอยแพมาติดเกาะขี้เหล็ก ที่อยู่ใต้เมืองกำแพงเพชร ชายผู้นั้นรูปร่งน่าเกลียด เพราะมีตุ่มขึ้นตามตัว ชาวบ้านจึงเรียกชื่อว่า แสนปม และเรียกเกาะขี้เหล็กว่า เกาะตาปม ตามชื่อนายแสนปม เมื่อมาอยู่ ณที่นี้ นายแสนปมได้ประกอบอาชีพทำไร่ ปลูกพริก มะเขือในเกาะปมนี้ แต่มีต้นมะเขือต้นหนึ่งอยู่หน้ากระท่อมมีผลใหญ่มาก เพราะแสนปมปัสสวะรดทุกวัน
พระราชธิดาทรงพระครรภ์
วันหนึ่งพระราชธิดาของเจ้าเมืองกำแพงเพชร เสด็จเพื่อประพาทเกาะปม ทอดพระเนตรเห็นมะเขือ จึงอยากจะเสวย และรับสั่งให้สนมไปเก็บมะเขือให้ แสนปมจึงเก็บผลมะเขือหน้ากระท่อม ให้นางสนมเพื่อนำไปถวาย เมื่อเสวยมะเขือไปได้ไม่นาน พระองค์ทรงพระครรภ์ เจ้าเมืองกำแพงเพชร จึงโกรธมาก เพราะลูกสาวไม่บอกว่าใครคือพ่อขอเด็กในท้อง เพราะรู้เพียงว่าเสวยมะเขือของแสนปมเข้าไปเท่านั้น
เมื่อพระราชธิดาทรงมีพระประสูติกาล
ต่อมาพระราชธิดา ทรงมีพระประสูติกาล ได้พระโอรส น่าตาน่ารัก เจ้าเมืองกำแพงเพชร จึงประกาศให้ผู้ชายทุกคนมา เสี่ยงทายเป็นพระบิดาของพระราชโอรส หากใครเป็นพระราชบิดา ขอให้พระโอรสคลานเข้าไปหา ทำให้เป็นที่สนใจของผู้ชายทุกวัย ทั้งหนุ่ม แก่ ยาจก เศรษฐี เจ้าต่างเมือง ต่างพากันมาเสี่ยงทายครั้งนี้ ถึงแม้จะใช้ของล่อใจมากแค่ไหน แต่พระโอรสก็ไม่คลานเข้าไปหา เจ้าเมืองกำแพงเพชร จึงให้ทหารไปตามแสนปมมา เนื่องจากเหลือแค่เขาคนเดียวที่ยังไม่ได้เสี่ยงทาย เพื่อเข้าเฝ้าและลองเสี่ยงทายดู จากนั้นแสนปมก็เข้าเฝ้า พร้อมทั้งถือก้อนข้าวเย็นมาหนึ่งก้อน เมื่อมาถึงได้อธิษฐาน แล้วเอาก้อนข้าวเย็นนั้นให้พระโอรส และพระโอรสก็คลานเข้ามาหา เจ้าเมืองจึงยกพระราชธิดาให้ แก่แสนปม และให้กลับไปอยู่ที่เกาะปม
ท้าวแสนปมกับพระเจ้าอู่ทอง
วันหนึ่งเมื่อแสนปมไปทอดแหที่คลองขมิ้น ทอดแหทุกครั้งจะได้ขมิ้นจนเต็มลำ แสนปมแปลกใจมาก เพราะเมื่อกลับไปบ้านขมิ้นนั้นจะกลายเป็นทองคำ แสนปมจึงนำทองคำนั้นไปทำเป็นเปลให้ลูก และตั้งชื่อลูกว่าอู่ทอง ทุกวันแสนปมจะต้องไปถางไร่ กระทั่งวันหนึ่งแสนปมไปถึงไร่ พบว่าต้นไม้ที่ถางไว้กับขึ้นงดงามตามเดิม แสนปมจึงลองถางใหม่ แต่วันรุ่งขึ้นต้นไม้ก็งามเหมือนเดิม แสนปมถึงแอบดู ก็เห็นลิงตัวหนึ่งเดินตีกลอง ออกมาจากป่า ต้นไม้ก็กลับขึ้นงอกงามเหมือนเดิม เมื่อกลับมาถึงบ้าน พระราชธิดาไม่เชื่อที่แสนปมพูด แสนปมจึงลองตีกลองให้ดูพระราชธิดาจึงเชื่อ จากนั้นท้าวแสนปม ได้ตีกลองเพื่อเนรมิตเมืองใหม่ชื่อว่า เทพนคร ขึ้นมา และปกครองเองโดยใช้ชื่อว่าท้าวแสนปม
ตำนานท้าวแสนปม มีอยู่ทั่วไปหลายแห่งของประเทศไทย มีตำนานกันอยู่หลายเมืองทั่วประเทศ แต่ที่เมืองไตรตรึงษ์ มีหลักฐานชัดเจนที่สุด ท้าวแสนปมจึงอาจจะอยู่ที่เมืองกำแพงเพชรจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ในที่สุดว่า สรุปแล้วท้าวแสนปมเกิดขึ้นที่ไหนกันแน่