คนบางคนไม่นับถือพระสงฆ์และยุให้ผู้อื่นไม่นับถือด้วย กล่าวหาว่าพระสงฆ์เป็นกาฝากสังคม กินแรงงานของสังคม ดีแต่สอนตัวเองไม่ทำ ควรทำอย่างไร?
จะทำอะไรละ ?
คนเรานั้นธรรมดาเหลือเกิน หากไม่ชอบกันก็ต้องด่าว่ากัน ที่ว่ามาทั้งหมดนะไม่ค่อยเจ็บเท่าไรหรอก แสดงว่ายังไม่ค่อยโกรธไม่พอใจมากเกินไป เคยเห็นคนเขาโกรธไม่ชอบกันด่ากันไหม ?
บางครั้งผัวเมียอยู่กันมาเป็นปี ๆ เวลาเกิดไม่ชอบกันโกรธกัน เขาด่ากันเจ็บแสบกว่าที่บอกมาเสียอีก แต่เขาก็ยังอยู่กันได้ หน้าที่ของพระนั้นท่านสอนว่า
“อย่าไปสนใจต่อคำหยาบคายและการงานที่ทำแล้วหรือยังไม่ได้ทำของคนอื่น แต่ให้สนใจในการงานที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำของตน”
ทุกอย่างที่ถามมาจึงเป็นปกติวิสัยของคนที่มีจิตใจลำเอียง มองปัญหาเพียงด้านใดด้านหนึ่ง แต่กลับตัดสินเรื่องเหล่านี้เกินกว่าที่ตนได้พบเห็น ที่พูดที่ทำไปเช่นนั้นจึงอาจพูดเพราะ
“ไม่ชอบพระไม่เข้าใจความจริงหรือเพราะกลัวว่าจะไม่ทันสมัยก็ได้”
พระพุทธศาสนานั้น ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าดำรงพระชนม์อยู่แล้วต้องประสบกับการต่อต้าน โจมตี กล่าวหา ใส่ความ จนถึงทำลายด้วยกำลัง เมื่อการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นอีก หรือจักเกิดขึ้นในอนาคตก็ตาม
“อย่าได้วิตกทุกข์ร้อนให้เกินพอดีเพราะนั้นเป็นเพียงธรรมดาอย่างหนึ่งเท่านั้น มันเกิดขึ้น เพราะมีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นและจะต้องดับไป เมื่อเหตุปัจจัยของการดำรงอยู่ดับไป”
คำกล่าวหาทั้งหมดนั้นเป็นคำพูดเพราะ “ไม่ชอบกับไม่รู้” ทั้งนั้นจึงควรทำความเข้าใจแต่โดยย่อ ๆ ว่า
กาฝากนั้นเกิดขึ้นที่ต้นไม้ใดแล้วจะเบียดเบียนต้นไม้นั้นจนตายไป แต่พระสงฆ์อยู่คู่กับสังคมไทยมาเป็นเวลานานแล้ว และมีอยู่ในหลายประเทศ พระสงฆ์นอกจากจะไม่ทำให้สังคมต้องเป็นอันตรายแล้ว ยังมีบทบาทอย่างสำคัญ ในการพัฒนาสังคมทั้งด้านวัตถุและจิตใจ คำว่า กาฝากสังคมเป็นภาษาทางการเมืองของพวกที่ไม่หวังดีต่อชาติ ศาสนา คำกล่าวของคนไม่หวังดีมีอะไรให้เชื่อได้หรือ ?
กินแรงงานสังคม ว่าที่จริงมีลักษณะอธิบาย
คำว่ากาฝากสังคม พระสงฆ์ไม่ได้กินแรงงานสังคม แต่พระสงฆ์ก็ทำงานในหน้าที่ของพระสงฆ์ ซึ่งเป็นการตอบแทนสังคมและให้แก่สังคม ผู้กินแรงสังคมนั้นคือผู้ที่สังคมจะต้องเลี้ยงดูโดยส่วนเดียว แต่พระสงฆ์มีลักษณะเช่นนั้นหรือ?
ดีแต่สอนตัวเองไม่ทำหมายความว่าอย่างไร ?
สิ่งที่พระนำมาสอนนั้น เป็นการทำหน้าที่ของฑูตอ่านพระราชสาส์น เพราะคำสอนเป็นของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ นำมาบอกกล่าวให้ทราบเท่านั้น พระจึงทำหน้าที่เหมือนราชฑูตอ่านพระราชสาส์น
ข้อว่าดีแต่สอน หากท่านทำได้ก็ควรอนุโมทนา เพราะเราหาพระที่สอนได้ดี ๆ ยากมาก แม้ท่านทำได้เพียงระดับนี้ก็ควรยินดีแล้ว ข้อที่ว่าตัวเองไม่ทำนั้น เป็นการกล่าวหาแบบไม่มีเหตุผล คนที่ทำเช่นนั้น ทำอย่างพระสอนได้ไหม? อย่ากินอาหารตอนเย็น ไม่ต้องมากหรอก เดือนละ ๔ ครั้งเท่านั้น รักษาศีล ๕ ให้ได้ เหล่านี้พระทำได้นะ หากชาวบ้านทำได้จากส่วนน้อยนิดที่พระสอน และทำได้ดังที่กล่าวนั้น น่าจะเป็นการพอแล้วสำหรับชีวิตของการครองเรือน
เรื่องศาสนานั้นไม่ใช่นั่งดื่มเหล้าแล้วพูดเรื่องนิพพาน แต่เป็นเรื่องที่คนทุกคนจะต้องตรวจสอบตนเอง แล้วปฏิบัติตนให้เหมาะสมแก่ฐานะที่ตนเป็น จึงจะได้รับผลประโยชน์จากศาสนา
คำกล่าวหาศาสนาในลักษณะนี้หรือลักษณะอย่างอื่น หน้าที่ของพระหรือชาวพุทธก็ตามควรทำเพียง ไม่โกรธแค้นเมื่อเขากล่าวตำหนิ ไม่หลงดีใจเมื่อเขายกย่องสรรเสริญ เขาพูดถูกยอมรับเขา เขาเข้าใจผิดชี้แจงให้เข้าใจ เชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ไม่ควรหวังผลเลิศอะไรในเรื่องนี้.