พระพุทธเจ้าไม่ได้สร้างนรก-สวรรค์ บาป บุญ
มีบางคนมาเล่าให้ฟังว่า นับถือศาสนาพุทธยุ่งยาก ทำอย่างนี้ก็บาป ทำอย่างโน้นก็บาป ฆ่าสัตว์ก็ไม่ได้ ต้องตกนรก พระพุทธเจ้าสอนไว้ บางคนบอกว่าพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้
แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์พระพุทธเจ้าไม่ได้สร้างไว้ พระพุทธเจ้าคือผู้รู้ รู้แล้วชี้หนทางให้แก่ผู้อื่น เช่น ทางนี้หรือสิ่งนี้เป็นทางแห่งอบายภูมิหรือนรก ส่วนว่าเมื่อผู้ปฏิบัติตามทางนี้จะทำให้มีความสุขหรือเป็นหนทางแห่งสุคติ หรือใครดื่มสุราทำให้ขาดสติ ทำให้ขาดความยั้งคิด พระพุทธเจ้าไม่ได้มอบความเมาให้แก่สุรา พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำให้ใครขาดสติ แต่บุคคลนั้นทำเอง บาปหรือบุญบุคคลนั้นทำเอง
กล่าวอีกอย่างว่า นรก หรือสวรรค์ก็คนเรา (สัตวโลก) นั่นแหล่ะสร้างขึ้นมา คำว่าสร้างขึ้นมาไม่ได้หมายความว่าสมมติลม ๆ แล้ง ๆ ขึ้นมา แต่เมื่อบุคคลทำกรรมชั่ว ก็ถือว่าได้สร้างนรกให้แก่ตนเอง เหมือนพระเทวทัต เมื่อก่อนนรกก็ไม่ได้ถามหา แต่พอทำร้ายพระพุทธองค์ถือว่าสร้างนรกให้แก่ตนเองนรกเรียกหาเลย แต่ถ้าพระเทวทัตทำกรรมดี สวรรค์หรือพรหมโลกก็เป็นที่หวัง ก็ได้ชื่อว่าสร้างสวรรค์ขึ้นมา แต่ถ้าพระเทวทัตได้เป็นพระอรหันต์ นรกหรือว่าสวรรค์ก็ไม่มีความหมายสำหรับพระเทวทัต ท่านอาจจะบอกว่านรกสวรรค์ไม่มีด้วยซ้ำ ก็คือไม่มีสำหรับท่าน
พระพุทธเจ้าไม่สาปแช่งหรือตัดสินว่าคนนั้นต้องตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ ไม่ได้เป็นบาปเพราะพระพุทธเจ้าให้เป็นบาป แต่เป็นบาปเพราะสิ่งนั้นเป็นการกระทำที่เป็นบาปอยู่แล้ว เหมือนไฟใคร ๆ ไม่ได้บัญญัติไว้ว่ามันต้องร้อน แต่ว่าไฟมันเป็นของร้อนอยู่แล้ว
ผู้รู้เป็นได้แต่ผู้ชี้แนะเรื่องบาปบุญนรกสวรรค์ โลกนี้มีผู้ชี้แนะอยู่มาก ไม่ใช่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว แต่พระเจ้าทรงสอนสูงกว่านั้น ซึ่งเหนือนรกเหนือสวรรค์ เหนือบุญเหนือบาป ซึ่งก็คือโลกุตรธรรม กล่าวคือมรรค ผล นิพพาน ซึ่งเป็นสภาวะที่เหนือนรกสวรรค์ใด ๆ ที่เราติดอยู่
ฉะนั้น นรก ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำบาป เหมือนเชื้อบาทยัก ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีแผล สววรค์ย่อมปรากฎแก่ผู้ทำกรรมดี บุคคลควรทำตนให้เหนือบุญและบาป เหนือนรกสวรรค์ เพราะว่านรกและสวรรค์ยังเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ เหตุว่าใจเราไม่มันคงนั่นเอง