มีเรื่องเล่าว่า มีพราหมณ์คนหนึ่งซึ่งเคยทำความผิดพลาดอย่างมหันต์ในสมัยที่ตนยังเป็นหนุ่ม เมื่อวัยชราเข้ามาถึงเขาจึงสำนึกได้ในความผิดที่ตนเองกระทำนั้น “เราจะต้องชำระบาปของเราด้วยการอาบแม่น้ำคงคา” เขาคิดดังนี้แล้วก็อำลาครอบครัวเพื่อใช้เวลาช่วงสุดท้ายของเขาในการเดินทางไปอาบน้ำชำระบาปที่แม่น้ำคงคา
เขาออกเดินทางมาได้ประมาณหนึ่งเดือนจึงได้พบแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งเขาได้เข้าใจว่าเป็นแม่น้ำคงคาจึงได้พักแรมที่ริมฝั่งทำพิธีอาบน้ำชำระบาปทุกเช้าเย็นจนสิ้นระยะเวลาเจ็ดเดือนจึงมีชายคนหนึ่งเดินผ่านมาแล้วร้องถามเขาว่า “ตากำลังทำอะไร” “ข้ากำลังอาบน้ำแม่น้ำคงคาเพื่อชำระบาป มาสิมาอาบด้วยกัน” เขาตอบพร้อมกับเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มมาอาบน้ำชำระบาปด้วยกัน แต่ชายหนุ่มกลับตอบว่า “นี่ไม่ใช่แม่น้ำคงคานะตา เขาเรียกว่าแม่น้ำสรภู แม่น้ำคงคาต้องใหญ่กว่านี้” เมื่อพราหมณ์ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้ารีบเก็บสัมภาระแล้วเดินต่อไป
หนึ่งเดือนผ่านไปเขาพบแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแม่น้่ำสายเดิมเขาคิดว่านี่คงเป็นแม่น้ำคงคาแน่ จึงพักแรมอาบน้ำชำระบาปทุกเช้าเย็นจนเวลาผ่านไปห้าเดือนจึงมีพ่อค้าผ่านมาแล้วร้องถามเขาเหมือนคนก่อน พ่อค้าเมื่อได้ทราบเช่นนั้นแล้วจึงกล่าวว่า “ท่านพราหมณ์ นี่ไม่ใช่แม่น้ำคงคาหรอก เขาเรียกว่า แม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำคงคาอยู่ข้างหน้า ใหญ่กว่านี้และมีคนอื่น ๆ อาบน้ำด้วย” พราหมณ์ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้า รีบเก็บบริขารแล้วเดินต่อไป
แม้ตัวเขาจะเข้าสู่วัยชราเต็มที มีร่างกายที่อ่อนแอและเหนื่อยล้า แต่เขาก็มาพบแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าแม่น้ำที่ผ่านมา มีคนลงอาบอยู่บ้าง เขาจึงคิดว่านี่แหล่ะแม่น้ำคงคงจึงได้พักอาบชำระร่างกายเหมือนดังที่ผ่านมา ผ่านไปสี่เดือนจึงมีคนถามว่าเขามาทำอะไร พราหมณ์ก็ตอบเหมือนดังครั้งก่อน “นี่ไม่ใช่แม่น้ำคงคาหรอกพราหมณ์ เขาเรียกว่า แม่น้ำมทิ แม่น้ำคงคาอยู่ข้างหน้า จะเป็นแม่น้ำที่ใหญ่กว่านี้ มีคนมากกว่านี้” พราหมณ์ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้า รีบเก็บสัมภาระแล้วเดินทางต่อไป
เหนื่อยแค่ไหนเขาก็ต้องทนในที่สุดก็พาตนมาถึงแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแม่น้ำอื่น ๆ ที่ผ่านมา อีกทั้งแม่น้ำสายนี้มีคนพลุกพล่านมกกว่าอีกด้วย เขาจึงได้พักแรมเพื่ออาบน้ำชำระบาปทำเช่นนั้นทุกเช้าเย็นจนเวลาผ่านไปสามเดือนจึงมีชายหนุ่มคนหนึ่งร้องถามเขาว่ามาทำพิธีอะไรเช้าเย็นที่ริมฝั่งแม่น้ำนี้ พราหมณ์ก็ตอบดังที่เคยตอบมา “นี่ไม่ใช่แม่น้ำคงคาหรอกตา ใครหนอทำให้ท่านเสียเวลาที่แม่น้ำแห่งนี้และแม่น้ำอื่น ๆ ที่ผ่านมา แม่น้ำนี้ชื่อว่า แม่น้ำยมุนา แม่น้ำคงคาอยู่ข้างหน้าซึ่งมีขนาดใหญ่กว่านี้ มีคนลงอาบน้ำมากกว่านี้”
ถึงแม้พราหมณ์จะผิดหวังมาหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็สู้ไม่ถอย เก็บสัมภาระออกเดินทางมุ่งหน้าสู่แม่น้ำคงคาตามที่ตั้งใจไว้ทันที ความเหนื่อยล้าอันเกิดจากวัยชราทำให้เขาต้องเดินช้าลง บางครั้งถึงกับต้องคลานไป ในที่สุดเขาก็พบแม่น้ำสายหนึ่งมีป้ายชื่อว่าคงคามหานทีซึ่งมีขนาดใหญ่มากกว่าแม่น้ำทั้งสี่ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีผู้คนจำนวนมากพักแรมอาศัยอยู่ เต็มไปด้วยเสียงสวดมนต์ทำพิธีอาบน้ำเพื่อชำระบาป แต่เขาไม่สามารถลุกขึ้นได้แล้ว ได้แต่อุทานว่า “ถึงแล้วแม่น้ำคงคา ถึงแล้วแม่น้ำคงคา ถึงแล้วแม่น้ำคงคา” ในที่สุดเขาก็สิ้นใจตาย ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคาโดยที่ไม่ได้แตะแม่น้ำคงคาแม้แต่หยดเดียว
เมื่อเขาตายไปวิญญาณเขาได้ไปพบพระศิวะเจ้าตามที่นับถือและพระองค์ก็อภัยบาปให้แก่เขา พราหมณ์จึงร้องถามว่า “แม้ข้าจะมีความพยายามอยู่ก็ตาม แต่ข้าไม่เคยได้ทำพิธีชำระบาปที่แม่น้ำคงคาเลย เหตุใดพระองค์จึงทรงชำระบาปให้แก่ข้าพระองค์” พระศิวะจึงได้ตรัสว่า “แม้กายเจ้ามิได้สัมผัสน้ำแห่งแม่น้ำคงคาแม้แต่หยดเดียวก็ตาม แต่จิตใจเจ้าได้เข้าถึงแม่น้ำคงคาแล้ว ใจของเจ้าได้ดื่มด่ำอยู่กับแม่น้ำคงคาแล้ว และข้าก็ชื่นชมในความพยายามของเจ้ายิ่งนัก ที่มุ่งหวังในการชำระบาป”
“บางทีการเข้าถึงเส้นชัย
อาจจะมีค่าน้อยกว่าการที่เราทำอะไรก่อนที่จะถึงเส้นชัย”
หากจะเปรียบเทียบกับการบูชาพระเครื่องแล้ว คุณจะบูชาพระแท้ไม่แท้ไม่สำคัญ หรือไม่มีพระพุทธรูปตั้งอยู่เลย แต่หากคุณทำการบูชาด้วยความจริงใจ หมั่นระลึกถึงคุณแห่งพระรัตนตรัยเนื่อง ๆ หากสวรรค์มีจริงแล้ว คุณไม่ไปสู่สวรรค์แล้วใครจะไป
นิทานเรื่องนี้ผมเขียนแต่งขึ้นมาเอง โดยการยกแม่น้ำทั้ง 5 มา ได้แก่ แม่น้ำสรภู แม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำมทิ แม่น้ำยมุนา และแม่น้ำคงคา แม้แม่น้ำเหล่านี้จะมีจริง แต่ผมก็ไม่ทราบว่าแม่น้ำไหนมีขนาดใหญ่กว่ากัน