Skip to content
พระคุ้มครอง

วัตถุมงคล พระเครื่อง เครื่องราง คาถา สิ่งศักดิ์สิทธิ์

  • Home
  • ทำบุญ
  • ธรรมะ
  • คาถา
  • นิทาน
  • นำโชค
  • เรื่องผี
  • ตำนาน
  • หนังสือ
  • เรียกจิต
  • ประเพณี
  • ภาษาวัด
  • ทายนิสัย
  • พระเครื่อง
  • เครื่องราง
  • นานาสาระ
  • ยาสมุนไพร
  • พระสายกรรมฐาน
พระคุ้มครอง

วัตถุมงคล พระเครื่อง เครื่องราง คาถา สิ่งศักดิ์สิทธิ์

บึงสีไฟ แหล่งน้ำขนาดใหญ่ทางธรรมชาติ ถิ่นชาละวันจังหวัดพิจิตร

พระคุ้มครอง, 25 กันยายน 202029 สิงหาคม 2021
เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

บึงสีไฟ แหล่งน้ำขนาดใหญ่ทางธรรมชาติ ถิ่นชาละวันจังหวัดพิจิตร

หากผ่านไปจังหวัดพิจิตร สถานที่ท่องเที่ยวที่จะต้องแวะเที่ยวชมอีกแห่งก็คือ บึงสีไฟ บึงน้ำขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพิจิตรและประเทศไทย ซึ่งบึงแห่งนี้ถือเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีความสำคัญของทางภาคเหนือตอนล่าง จึงเหมาะที่จะไปเที่ยวชมทิวทัศน์อันสวยงามที่เกิดจากการสรรค์สร้างขึ้นด้วยฝีมือธรรมชาติอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า ประวัติความเป็นมาของบึงสีไฟเป็นอย่างไร และมีอะไรน่าสนใจบ้าง รีบตามเราไปดูกันเลยดีกว่า

ลักษณะทั่วไปของบึงสีไฟ

บึงสีไฟเป็นบึงน้ำธรรมชาติของจังหวัดพิจิตร ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 18,000 ไร่ โดยอยู่ในเขต 4 ตำบล คือ ตำบลท่าหลวง ตำบลคลองคะเชนทร์ ตำบลโรงช้าง และตำบลเมืองเก่า แต่ก่อนน้ำค่อนข้างเยอะกว่าปัจจุบัน เพราะหลังจากที่สร้างเขื่อนสิริกิตส์ปิดกั้นแม่น้ำน่านก็ทำให้มีน้ำน้อยลง ส่งผลให้น้ำที่จะไหลลงสู่บึงสีไฟ มีปริมาณที่ลดน้อยลงตามไปด้วย รวมทั้งพื้นที่ประมงของบึงสีไฟก็ได้ถูกบุกรุกมากในปี พ.ศ.2521 กรมประมงจึงได้ทำการบูรณะบึงสีไฟขึ้นใหม่ โดยการสร้างคันดินขึ้นโดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้ามาบุกรุกพื้นที่ อีกทั้งยังได้รังวัดเพื่อปักเขตแนว และออกหนังสือสำคัญเป็นที่หลวง เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2534 โดยกรมเจ้าท่าเป็นผู้ดูแลรักษา ตอนนี้จึงมีเนื้อที่ทั้งสิ้นเพียง 5,390 ไร่เศษ

บึงสีไฟแหล่งน้ำธรรมชาติ

บึงสีไฟเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง และใช้เป็นแหล่งทำการประมง ปัจจุบันมีน้ำน้อยทั้งวัชพืชก็ขึ้นปกคลุมทั่วไปเยอะ เช่น อ้อ แขม บอน ผักตบชวาและบัว ทำให้บึงสีไฟตื้นเขิน เมื่อกรมประมงเข้ามาดูแลก็ได้จัดการกับวัชพืชในบึงจำนวนประมาณ 3,500 ไร่ หรือประมาณ 65% ของพื้นที่ปัจจุบัน นอกจากนี้ บึงสีไฟยังมีความลึกเฉลี่ย 1.50 – 2 เมตร พื้นที่บริเวณก้นบึงเต็มไปด้วยวัชพืชที่เน่าเปื่อยทับถมกัน ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์สูง และยังส่งผลให้มีอาหารสำหรับปลาน้ำจืด โดยที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งผลิตปลาน้ำจืดประมาณ 180 ตัน หรือประมาณ 2.1 ล้านบาทต่อปี นอกจากนั้นประชาชนที่อยู่ใกล้บึงสีไฟ ยังได้ใช้ประโยชน์น้ำเพื่อทำการเกษตร และเพื่อการอุปโภคบริโภคอีกด้วย

บึงสีไฟ ถือเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ โดยมีลักษณะคล้ายแอ่งกระทะ ซึ่งทางจังหวัดพิจิตรได้สร้างศาลาบึงสีไฟ เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป แต่ปัญหาที่สำคัญของบึงสีไฟคือ เรื่องวัชพืชและการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ซึ่งหลังจากปี พ.ศ. 2521 หลังจากที่กรมประมงได้เข้ามาจัดตั้งสถานีประมงน้ำจืด ก็ได้มีการจัดการปัญหาวัชพืชในบึงมาตลอด โดยใช้เครื่องจักรและกำลังคน จึงทำให้สามารถกำจัดวัชพืชที่ลอยน้ำได้ดี แต่ส่วนที่มีรากติดพื้นดินและใต้น้ำยังคงมีจำนวนมาก เพราะมีการเกิดขึ้นทดแทนตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว

โครงการปรับปรุงบึงสีไฟของกรมประมง

เนื่องจากบึงสีไฟมีวัชพืชเยอะจึงทำให้เกิดความตื้นเขินมากขึ้น กรมประมงจังหวัดพิจิตร จึงมีโครงการปรับปรุงให้เป็นแหล่งประมงน้ำจืด และสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพิจิตร ด้วยการขุดลอกน้ำจากคลองชลประทานให้เข้าสู่บึงสีไฟ ทำให้มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น และป้องกันการแห้งแล้งของน้ำในฤดูแล้ง รวมทั้งยังมีการขุดลอกบึงให้ลึกมากขึ้นด้วย ทำให้บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้งได้ในปริมาณมากขึ้นกว่าเดิม และยังใช้เป็นแหล่งประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงปลาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีระบบนิเวศน์ที่สลับซับซ้อน และมีคุณค่าทางธรรมชาติ จึงทำให้สามารถทำการประมงน้ำจืดได้อย่างราบรื่น

สถานที่น่าสนใจภายในบึงสีไฟ

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดเด่นที่น่าสนใจของบึงสีไฟ ก็มีดังนี้

1.สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์

เป็นสวนที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2527 มีเนื้อที่ประมาณ 170 ไร่ เป็นสวนสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน เหมาะในการมาดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็น เพราะมีสะพานทอดยาวไปถึงศาลาใหญ่ที่พักผ่อนนั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาชมพระอาทิตย์ตกดินอย่างต่อเนื่อง

2.รูปปั้นพญาชาละวัน

ตามตำนานเรื่องไกรทองที่อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง เกี่ยวกับพญาชาละวัน ที่ออกอาละวาดออกหากินชาวบ้าน และได้ถูกไกรทองปราบลงได้ จึงได้มีการสร้างรูปปั้นตรงบริเวณหน้าบึงสีไฟ ซึ่งเป็นรูปปั้นจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดความยาว 38 เมตร กว้าง 6 เมตร สูง 5 เมตร มีอาคารแสดงเกี่ยวกับจระเข้ และห้องประชุมขนาด 25-30 ที่นั่ง

แนะนำ…ตำนานจระเข้ชาละวัน ยักษ์ใหญ่แห่งลุ่มแม่น้ำน่านเก่า

3.ศาลากลางน้ำ

เป็นศาลาที่อยู่ในบึงสีไฟ โดยมีทั้งหมด 4 ศาลา นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารสัตว์บนศาลานี้ โดยเฉพาะศาลาใหญ่ที่ใช้เป็นคูหาสำหรับการเลือกตั้ง และทำกิจกรรมของจังหวัดพิจิตรด้วย นั่งพักผ่อนที่ศาลากลางน้ำ ชมบึงสีไฟ และทิวทัศน์อันงดงาม ก็ทำให้จิตใจสบายผ่อนคลายมากขึ้นได้

4.สถานแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ

สถานแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพิจิตร โดยสร้างเป็นศาลาเก้าเหลี่ยม และรูปแบบอาคารเป็นรูปดาวเก้าแฉก ยื่นลงไปในบึงสีไฟ ภายในอาคารมีตู้แสดงพันธุ์ปลามากกว่า 20 ชนิด และมีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนพันธุ์ปลาเป็นประจำด้วย รวมถึงพื้นที่ส่วนตรงกลางอาคาร ทำเป็นช่องเปิด สร้างเพื่อเปิดให้ชมปลาในบึงสีไฟ เพราะมีปลามาอยู่กันจำนวนมาก เพื่อรอกินอาหารจากนักท่องเที่ยว

5.บ่อจระเข้

ภายในบึงสีไฟมีบ่อจระเข้ สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมด้วย โดยมีบ่อจระเข้ทั้งหมด 2 บ่อ แต่บ่อเก่ามีขนาดเล็กเกินไป จึงได้ยกเลิกการใช้ไปแล้ว แล้วสร้างบ่อใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า โดยสร้างในบริเวณบึงสีไฟเช่นกันกับบ่อเดิม เพราะถึงอย่างไรมาเที่ยวเมืองชาละวันไกรทองจะต้องได้เห็นจระเข้มากมาย

ความสำคัญของบึงสีไฟ

นอกจากความสวยงามตามธรรมชาติของแหล่งน้ำแล้ว บึงสีไฟ ยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญที่น่าสนใจต่าง ๆ ดังนี้

1.เป็นแหล่งพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากชนิด

กรมประมงได้สำรวจพบว่า ปลาที่พบในบึงสีไฟมีทั้งสิ้น 47 ชนิด โดยเป็นพันธุ์ปลาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพิจิตรได้ทำการปล่อยอีก 22 ชนิด ซึ่งพันธุ์ปลาที่พบมากที่สุดก็คือ ปลายี่สกเทศ โดยมีปลาที่ทำการปล่อยเพิ่มอีกหลายชนิด เช่น ปลานวลจันทร์เทศ ปลานิล และปลายี่สกเทศ ส่วนปลาที่ไม่พบแล้วในการสำรวจเมื่อปี พ.ศ.2537 และ 2538 คือ ปลาสร้อยลูกกล้วยและปลาพรมหัวเหม็น

2.เป็นแหล่งพันธุ์ไม้น้ำ

จากการสำรวจพบว่าบึงสีไฟมีพันธุ์พืชน้ำกว่า 47 ชนิด ทั้งพวกที่ลอยน้ำ 7 ชนิด ได้แก่ ผักเป็ดไทย และผักตบชวา และพวกที่พ้นน้ำ 32 ชนิด ได้แก่ อ้อ กก และพวกที่อยู่พื้นน้ำ 4 ชนิด ได้แก่ สาหร่ายหางม้า และสาหร่ายหางกระรอก จึงใช้เป็นสถานที่ในการศึกษาเกี่ยวกับพืชน้ำได้ดีอีกที่หนึ่ง

3.แหล่งที่อยู่อาศัยของนก

บึงสีไฟเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกที่สำคัญ เพราะมีระบบนิเวศน์ที่ซับซ้อน และอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสัตว์น้ำ และพันธุ์ไม้น้ำชนิดต่าง ๆ จึงทำให้เหมาะสมต่อการใช้เป็นแหล่งอาศัยของนก ทั้งนกท้องถิ่นและนกที่อพยพมาอาศัยตามฤดูกาล ซึ่งจากการสำรวจพบนกในบึงสีไฟไม่น้อยกว่า 60 ชนิด

4.เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตร

ด้วยบึงสีไฟเป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ อีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนชาวพิจิตร และนักท่องเที่ยวทั่วไป นอกจากนี้ ชาวพิจิตรยังนิยมมาชมพระอาทิตย์ตกกลางบึงสีไฟตอนเย็นซึ่งจะให้บรรยากาศที่ดีและโรแมนติกอย่างมากทีเดียว ด้วยเหตุนี้ บึงสีไฟจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรแห่งแรกก็ว่าได้ เพราะมีมายาวนานก่อนที่หน่วยงานราชการจะเข้ามาทำการบูรณะ จึงถือเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่คู่จังหวัดพิจิตรตั้งแต่นั้นมา  

อย่างไรก็ตาม ชาวพิจิตรก็มีคำกล่าวว่า หากมาจังหวัดพิจิตรแล้วไม่ได้ไปเที่ยวบึงสีไฟ เหมือนไปไม่ถึงพิจิตร ไม่เพียงเท่านั้น ที่แห่งนี้ยังมีศูนย์แสดงสินค้าของจังหวัดพิจิตร โดยมีการจัดจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองให้แก่นักท่องเที่ยวได้ซื้อสินค้าก่อนกลับด้วย ยิ่งกว่านั้น โดยบริเวณภายในมีสถานที่สำหรับต้อนรับ การเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และบุคลสำคัญอีกหลายท่าน รวมถึงใช้เป็นสถานที่จัดงานงานกาชาด งานลอยกระทงอีกของจังหวัดพิจิตรด้วยเช่นเดียวกัน

ช่องทางการติดต่อ และวันเวลาเปิด-ปิด

บึงสีไฟเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพิจิตรวันธรรมดา เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. วันหยุดราชการ เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 -19.00 น. หากสนใจติดต่อก็สามารถติดต่อได้ที่ช่องทาง โทร. 056-611-309 และเว็บไซต์ http://www.fisheries.go.th/if-phichit

บึงสีไฟ บึงน้ำธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดพิจิตร และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยแห่งนี้ มีความสำคัญทั้งต่อชาวพิจิตร และนักท่องเที่ยวทั่วไปอย่างมาก เพราะใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบึงสีไฟยังเป็นสถานที่สร้างอาชีพการประมงน้ำจืด ที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่างด้วย นอกจากนั้นประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับบึงสีไฟ ยังได้ใช้น้ำเพื่อทำการเกษตร แสดงให้เห็นความสำคัญของแหล่งน้ำ เหมือนคำพูดในปรัชญาจีนที่บอกว่า หากใครสามารถเปลี่ยนทิศทางหรือควบคุมน้ำได้ คือผู้เป็นใหญ่ในการปกครอง ดังนั้นบึงสีไฟ จึงมีส่วนทำให้ประเทศไทยมีความเจริญทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวอย่างครบวงจรเลยนั่นเอง

ภาพประกอบจาก..
wikimedia.org โดย Grossbildjaeger
pixabay.com โดย zuelligmarkus


เห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ โปรดแชร์....

บทความที่เกี่ยวข้อง

ผีตายทั้งกลม หนึ่งในตำนานผีเฮี้ยนที่สุดของคนไทยผีตายทั้งกลม หนึ่งในตำนานผีเฮี้ยนที่สุดของคนไทย ตำนานเสือสมิง ความเล้นลับและน่ากลัวแห่งป่าดงพงไพรตำนานเสือสมิง ความเล้นลับและน่ากลัวแห่งป่าดงพงไพร แพะ เครื่องรางสายมหาเสน่ห์ตำนาน เขาควายฟ้าผ่า ของขลัง พลังเทพประทานมาให้ ประวัติบึงโขงหลง แหล่งชุ่มน้ำอันอุดมสมบูรณ์แห่งจังหวัดบึงกาฬประวัติบึงโขงหลง แหล่งชุ่มน้ำอันอุดมสมบูรณ์แห่งจังหวัดบึงกาฬ
ตำนาน ตำนานประวัติเรื่องเล่า

แนะแนวเรื่อง

Previous post
Next post

สวัสดียามเช้า พระคุ้มครอง

  • คลิป VIDEO
  • คอมพิวเตอร์
  • คาถา
  • ดาวน์โหลด
  • ตำนาน
  • ธรรมะคุ้มครอง
  • นานาสาระ
  • นิทาน
  • นิสัยใจคอ
  • บ้านและสวน
  • ประเพณี
  • พระสายกรรมฐาน
  • พระเครื่อง
  • ภาษาวัด ภาษาไทย
  • ยาสมุนไพรโบราณ
  • วัดธรรมยุตในต่างประเทศ
  • ส่งคำอวยพร
  • สังฆทาน
  • สิ่งนำโชค
  • สุขภาพ
  • อาชีพและครอบครัว
  • เครื่องราง
  • เรียกจิต
  • เรื่องผี
  • แนะนำหนังสือ
  • แบ่งปัน
  • ไม้ประดับ ไม้มงคล

เว็บไซต์แห่งนี้ นำเสนอบทความเกี่ยวกับ วัตถุมงคล พระเครื่อง เครื่องราง มนต์คาถา พิธีกรรมต่าง ๆ
ซึ่งทั้งหมด เป็นที่พึ่งทางจิตใจ เป็นความรู้ เป็นความเชื่อที่สืบทอดต่อกันมา
ทางเราไม่อาจจะพิสูจน์ได้ว่า ความเชื่อเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่
ผู้เขียนบทความ ไม่อาจจะรับรองความเชื่อนั้นว่าจะได้ผลจริง หากท่านนำไปปฏิบัติตาม
หน้านโยบายความเป็นส่วนตัว

บทความต่าง ๆ บนเว็บไซต์นี้ แม้ทางเรานำเสนอโดยการศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ จึงมาเขียน ฉะนั้น ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความโดยพยัญชนะ