
เริ่มด้วยที่มาที่ไปของสีผึ้งนี้ก่อน สีผึ้ง เจ้าของเดิมเป็นคนอำเภอเมือง ในจังหวัดสุรินทร์ เป็นสีผึ้งเก่าที่ได้ตกทอดมาจากพ่อของเขา ก่อนที่พ่อของเขาจะเสียชีวิต ได้มีการนำเอาพระเครื่องและเครื่องรางต่าง ๆ ทั้งหมดที่มีอยู่บนหิ้งพระมาแจกจ่ายแบ่งปันกันในระหว่างลูก ๆ ซึ่งในนั้นมีสีผึ้งเก่าอยู่ตลับหนึ่งก็ได้ทำการตักแบ่งกันซึ่งมีลูกแค่ 2 คนเท่านั้นที่ได้รับมา
ส่วนคนอื่น ๆ ไม่มีใครสนใจเพราะต่างก็หาแต่ของที่ตนคิดว่าน่าจะมีราคามากกว่า คนที่ได้สีผึ้งนี้มา ก็นำเอาไปเลี่ยมพลาสติกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยตลอด เพราะคิดว่าเป็นของมรดกที่พ่อได้มอบให้ หลังจากที่เขาได้พกสีผึ้งนี้ติดตัวไปไหนมาไหนตลอด ก็เกิดเรื่องที่ทำให้เขารูสึกประหลาดใจ เมื่อเวลาที่เขาพูดจากับใครก็ตาม โดยเฉพาะเพศตรงข้าม หญิงสาวทั้งหลายก็จะนั่งเคลิ้มคุยด้วยเป็นอย่างดี ส่งสายตาหวานที่หยาดเยิ้มมาตลอดเหมือนดังต้องมนต์สะกดเขา
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนคือ เมื่อเขาได้ไปคุยกับสาวสวยมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ซึ่งเธอกำลังเรียนอยู่ ปี 4 คุยกันได้ไม่นานประมาณ 2-3 วัน นางก็หอบผ้าตามมาอยู่บ้านกับเขาด้วยมา และใช้ชีวิตด้วยกันแบบผัวเมียนับแต่นั้นมา ทั้งที่เขาก็เป็นคนหน้าตาธรรมดา ไม่ได้หล่ออะไรมากมาย อายุก็มากกว่าเธอมาก ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเป็นพิเศษ แต่ได้สาวนักศึกษาขาวสวยมาเป็นภรรยา เขาจึงเรียกสีผึ้งนี้ว่า สีผึ้งสาวลืมบ้าน แต่ผมขอเรียกว่า สีผึ้งแห่งบุพเพสันนิวาส

ความรักกับบุพเพสันนิวาส
มีเรื่องเล่าในธรรมบทว่า ในสมัยก่อน หมู่ชนเป็นอันมากพากันก่ออิฐสร้างทำเป็นพระเจดีย์ ซึ่งใช้อิฐทองคำแต่ละก้อนมีราคาเป็นแสน และเขียนลวดลายวิจิตรอย่างสวยงาม เมื่อพากันนำอิฐมาก่อเป็นองค์พระเจดีย์สำเร็จแล้ว จึงได้พาคิดกันว่า “เมื่อเราจะบรรจุพระธาตุ ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ใครเล่าจะเป็นประธานในการทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้”
ได้มีเศรษฐีบ้านนอกคนหนึ่งแสดงความจำนงค์ในการเป็นประธานในการดำเนินงาน พร้อมทั้งมอบเงิน 1 โกฎิ (10 ล้าน) เข้าพร้อมกับพระธาตุ ส่วนเศรษฐีเมืองหลวงนั้นได้ยินคำครหาว่า “เศรษฐีในเมืองเอาแต่เก็บเงินอย่างเดียว คงไม่สามารถเป็นประธานในการบรรจุพระธาตุได้หรอก” เขาจึงพูดขึ้นว่า “เราจะให้เงิน 2 โกฏิ (20 ล้าน)” แล้วจึงได้ใส่เงินเข้าไปตามที่กล่าว ฝ่ายเศรษฐีบ้านนอกก็ไม่น้อยหน้า เพราะตนต้องการเป็นประธานในการบรรจุพระธาตุในองค์พระเจดีย์ในครั้งนี้ จึงได้ใส่เงินไป 3 โกฏิ เศรษฐีทั้งสองนั้นได้แข่งกันทำบุญจนเมื่อเศรษฐีเมืองหลวงใส่เงินไปถึง 8 โกฎิ เศรษฐีบ้านนอกจึงคิดว่า “ถ้าเราใส่เงินไป 9 เขาก็ต้องใส่ 10 เป็นแน่ แต่ว่าเรามีเงินแค่ 9 โกฏิเอง แต่เขามีเงินถึง 40 โกฎิ เราจะสู้เขาได้อย่างไร” ดังนั้นเศรษฐีบ้านนอกจึงได้คิดอีกว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราจะให้ทรัพย์ทั้งหมด และตัวเรา บุตร เมีย จะเป็นผู้รับใช้ดูแลพระเจดีย์นี้ด้วย”
เศรษฐีบ้านนอกเมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว จึงได้พาบุตรและลูกสะใภ้พร้อมทั้งบุตรละเมียทั้ง 16 คน ไปมอบถวายแก่พระเจดีย์นั้นแล้ว คนเหล่านั้นจึงกลายเป็นผู้ดูแลพระเจดีย์ คอยปฏิบัติทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา จนพวกเขาได้หมดบุญบนโลกมนุษย์ จึงได้ไปเกิดบนสวรรค์นานนับพุทธันดรหนึ่ง เมื่อสิ้นบุญบนสวรรค์แล้ว ภรรยาของเขาก็ได้ไปเกิดเป็นธิดาของเศรษฐี เนื่องจากได้บรรลุโสดาบันแต่เนิ่นแล้ว ส่วนสามีไปเกิดเป็นนายพราน (เพราะยังไม่บรรลุธรรม ยังไม่เห็นอริยสัจ) สามีของนางได้ไปเกิดในสกุลของนายพรานล่าเนื้อ ความรักในกาลก่อน ได้ท่วมทับธิดาของเศรษฐีเมื่อได้เห็นนายพรานเพราะบุพเพสันนิวาส (การได้เคยอยู่ร่วมกันในชาติที่แล้ว) ดังพุทธภาษิตอ้างว่า “ความรักนั้น ย่อมเกิด เพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ อย่างนี้ คือ เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ เพราะการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ๑ ดุจดอกบัวเกิดในน้ำ เพราะอาศัยเปือกตมและน้ำ ฉะนั้น”
ที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเรื่องที่ท่านกล่าวไว้ในธรรมบท อันที่จริงมีคำกล่าวในที่อื่นอีกว่า “ในสังสารวัฏนี้ สัตว์ที่ไม่เคยเกิดเป็นพ่อแม่ ลูก สามีภรรยากันนั้นไม่มีเลย นั่นหมายความว่าทุกคนต่างก็เคยมีบุพเพสันนิวาสต่อกันทั้งนั้น แต่ว่า เหตุการณ์ใด ภพใด อัตภาพใด เวลาใดที่จะกระตุ้นให้บุพเพสันนิวาสของคนเหล่านั้นมาหวนประจบถึงกันได้ ถ้าเป็นบุพเพสันนิวาสที่เพิ่งทำร่วมกันมาไม่นาน ก็สามารถหวนระลึกได้เร็วหรือทันทีที่ได้พบเจอกัน แต่ถ้าเป็นบุพเพที่ทำร่วมกันมานานแล้ว หรือร่วมกันในอัตภาพใดไม่รู้ได้ บุพเพสันนิวาสนั้นก็อาจจะเบาบางลงไป ทำให้เป็นเหตุระลึกถึงกันได้ยาก

สีผึ้ง กระตุ้น บุพเพสันนิวาสที่เคยร่วมกันมาก่อน
ต่างว่าทุกคนมีบุพเพสันนิวาสร่วมกันอยู่แล้ว ไม่อัตภาพใดก็อัตภาพหนึ่ง การใช้สีผึ้ง เครื่องรางของขลังใด ๆ อาจจะมีส่วนในการกระตุ้นบุพเพสันนิวาสของเขาและเธอได้มีโอกาสให้หวนระลึกถึงกันได้ ให้มาประจบกันอีกที ประกอบกับการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน เช่นไปมาหาสู่กัน ยิ้มให้กัน ใหคำปรึกษา ให้การช่วยเหลือกัน ให้ปันสิ่งของกัน จึงเป็นเหตุให้เกิดความรักได้
ข้อสังเกตเกี่ยวกับสีผึ้งนี้
ถึงแม้ว่าสีผึ้งนี้จะไม่รู้ที่ ไม่รู้สำนักก็ตามที่ แต่ผมก็มีข้อสังเกตอยู่ว่า
- สีผึ้งนี้ ได้มาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ได้ว่าถิ่นนี้มีของแรง ของสายเขมร ของสายพรายที่มีคนทำได้จริง
- สีผึ้งนี้เลี่ยมอย่างดี แสดงว่าต้องเป็นสีผึ้งที่เขามีความเชื่อมั่นในการนำไปใช้ ถ้าตามเรื่องเล่าข้างบน แต่เดิมนั้นที่ใช้สีผึ้งนี้ เพราะเป็นของเก่าของแก่ที่พ่อให้มา แต่พอใช้แล้วได้ผลดี
- ผมเชื่อว่าสีผึ้งนี้ต้องมีครูอาจารย์ที่ตั้งใจทำจริง หวังผลจริง และมีคนใช้ได้ผลจริงตามที่กล่าวมาข้างต้น