ในช่วงชีวิตนี้ได้ผ่านผู้คนมามากมายมีทุกเพศทุกวัย บางคนแค่พบแล้วก็จากกัน แค่จำได้เพียงลางๆ แม้แต่ชื่อก็ไม่รู้จัก บางคนจำชื่อได้ แต่ไม่เคยติดต่อสื่อสารกันอีกเลย บางคนก็เป็นเพียงคนเคยรู้จักที่บังเอิญเดินบนเส้นทางสายเดียวกัน บางคนผ่านไปหลายสิบปีก็ยังคบหาสมาคมกันอยู่ ในบรรดาผู้คนเหล่านั้นมีเพียงสุภาพสตรีท่านเดียวที่ยังติดต่อคอยถามสารทุกข์สุกดิบ ส่งเงินไปให้ไช้บ้าง หรือหากเธอต้องการอะไรก็จะหาให้ทุกอย่างตามที่ที่เธอขอมา เรียกว่าในโลกนี้มีเพียงผู้หญิงคนเดียวที่ยอมเธอได้ทุกเรื่อง เธอคือผู้ให้กำเนิดข้าพเจ้าเอง เรียกเธอด้วยถ้อยคำสั้นๆว่า “แม่” ผู้หญิงที่มักจะมีคำพูดติดปากเสมอว่า “เกิดมาทั้งทีทำดีให้ได้ จะอยู่ได้อีกกี่ปีก็ไม่เป็นไร แต่หากอยู่ได้ขออยู่เพื่อทำความดี”
พอถึงวันแม่แล้วปรกติทุกปีก็จะโทรศัพท์คุยกับแม่ หรือถ้ามีเวลาว่างก็จะกลับไปเยี่ยมสักวันสองวัน เพราะช่วงนั้นจะมีวันหยุดหลายวัน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นโทรศัพท์ ก่อนวันแม่หนึ่งวันโทรศัพท์ไปถึงแม่ ปลายสายทักทายคำแรกว่า “ยังไม่ติดโควิดนะ ดูข่าวแล้วกรุงเทพเป็นเขตอันตราย มีคนติดเชื้อและคนตายจำนวนมาก รักษาสุขภาพ ดูแลตัวเองด้วย ไม่จำเป็นอย่าออกไปไหน อยู่กับที่ดีที่สุด อย่าเดินทางไปต่างจังหวัด เพราะจะต้องถูกกักตัว ถ้าติดเชื้อก็อาจจะเสียชีวิตได้ หลายคนแล้วที่เดินทางมาจากกรุงเทพ อยู่ไม่นานก็เสียชีวิต ช่วงนี้ต้องห่วงตัวเองให้มากไว้ก่อน รอให้สถานการณ์ดีขึ้นค่อยว่ากัน ที่สำคัญอย่าติดเชื้อ เพราะถ้าติดเชื้อชีวิตจะเปลี่ยนไปทันที แต่ถ้าทำดีเอาไว้ จะตายก็ไม่กังวล”
ทั้งหลายทั้งปวงคือคนที่เราควรห่วงกลับกลายเป็นคนที่ห่วงเรา แทนที่จะเป็นฝ่ายเทศนา กลับต้องกลายเป็นผู้ฟังเทศนา จากผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียกเธอว่า “แม่” ได้ฟังแม่บ่นบ้างก็ดีเหมือนกัน สถานการณ์เปลี่ยนไป เพราะสภาพพื้นที่ถูกครอบคลุมด้วยภยันตรายที่มีผลโดยตรงกับชีวิต ช่วงนี้ไม่ควรเป็นคนกล้า เปลี่ยนจากคนกล้าเป็นคนกลัวบ้างก็ได้ คนกล้าอาจจะตายไว เพราะเสี่ยงต่อการติดโรคร้าย ส่วนคนกลัวอาจจะตายช้า เพราะระมัดระวังตนเอง ไม่เข้าไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง ช่วงนี้ทุกคนต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อน ถ้าพอมีกำลังทรัพย์จะช่วยเหลือคนอื่นบ้างก็ดี หลายคนต้องพลัดพรากจากคนที่รัก ต้องสูญเสียคนที่เคารพ บางครอบครัวเหลือเพียงลูกชายหรือลูกสาวตัวเล็กๆทีี่รอดจากการติดเชื้อ ไม่รู้จะไปพึ่งใคร ชีวิตช่วงนี้อยู่ยากลำบากจริงๆ มิใช่แต่ประเทศเราหรอก สถานการณ์เป็นไปในทิศทางเดียวกันกระจายไปทั่วโลก
ถือโทรศัพท์ไว้ปล่อยให้แม่พูดไปเรื่อยๆ สักพักคงเหนื่อย ก่อนจะปิดด้วยประโยคที่คุ้นเคยว่า “ยังสบายดีอยู่นะ” บ่งบอกให้รู้ว่าคนที่เรากำลังลังคิดถึง กลับกลายเป็นคนกำลังห่วงใยเรา คิดแล้วก็สบายใจได้ แม่คงอยู่ต่ออย่างน้อยก็ผ่านวันแม่ปีนี้ไปได้ ส่วนวันแม่ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ ทุกวันนี้ก็มีผู้หญิงคนเดียวนี่แหละที่ยอมเธอทุกอย่าง อยากได้อะไรก็พร้อมจะหาไปให้ อยากพูดอะไรก็พร้อมที่จะรับฟัง แต่หลายปีมาแล้วที่เธอไม่เคยอยากได้อะไรเลย ทุกอย่างมีพร้อมหมดแล้ว มีสิ่งเดียวที่ธอขอแต่ก็ให้ไม่ได้คือ ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆที่ทำให้แม่ทุกข์ใจ ก็ไม่ได้ทำ ญาติพี่น้องก็ไม่ได้ลำบากอันใด แม้จะมีอาชีพทำนาทำไร่ แต่ละปีได้เงินไม่มาก แต่ถ้าใช้เท่าที่มี ไม่พยายามก่อหนี้สิน ชีวิตของเกษตรกรก็ไม่ได้ลำบากมากนัก มีข้าวในยุ้ง มีผักที่ไร่ มีปลาในแม้น้ำ ไปหาจับปลาพอได้เป็นอาหาร กินข้าวเป็นหลัก กินผักเป็นยา ชีวิตของชาวไร่ชาวนาธรรมดาเป็นไปในทำนองนี้
บางทีช่วงนี้การอยู่เฉยๆก็เป็นการช่วยแม่อย่างหนึ่ง คือช่วยตัดความกังวลของการที่อาจจะติดเชื้อโควิด ช่วงหลายปีมานี้แม่ไม่เคยอยากได้อะไรเลย ไม่เคยขออะไร แม้เมื่อจะให้อะไรแม่ก็บอกว่า “มีเงินเดือนตั้ง 800 บาท” ใช้ได้ตลอดทั้งเดือน แค่ได้ฟังเสียงของแม่ที่ปนด้วยเสียงหัวเราะก็มีความสบายใจแล้ว
สมัยที่ยังเป็นเด็กหากได้ยินเสียงแม่บ่น จะเอามือปิดหู และรีบเดินหนี ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากฟัง บ่นได้ทั้งวันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เสียงแม่เล่านิทานกลับน่าฟัง ทั้งๆที่เล่านิทานเรื่องเดิมที่ตอนจบไม่เหมือนกันสักครั้ง ทุกคนก็จะเถียงแม่ว่าวันก่อนไม่ได้เป็นอย่างนี้ แม่ก็ได้แต่ยิ้มและจบนิทานเรื่องนั้น และบอกให้ทุกคนแยกย้ายเข้านอน ตอนนี้พออายุมากขึ้นจึงเข้าใจ แม่กำลังสอนแนวทางการดำเนินชีวิตของแต่ละคน แม้จะเกิดจากบิดามารดาคนเดียวกัน แต่เส้นทางชีวิตและบทสุดท้ายปลายทางของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เป็นดั่งนิทานที่แม่เล่านั่นแหละ
ตอนนี้เมื่อลูกชายก็อยู่ในวัยชรากลับอยากฟังเสียงแม่บ่น แม่บ่นเมื่อไหร่รู้สึกสบายใจ หลายเดือนก่อนชวนแม่สร้างกุฏิถวายวัด เมื่อสร้างเสร็จได้ฤกษ์ถวาย ตัวเราเองสะดวกวันอาทิตย์ แต่แม่บอกฤกษ์ไม่ดีขอเปลี่ยนเป็นวันศุกร์ ซึ่งยังเป็นวันที่ยังทำงาน หากถือตามนั้นก็ต้องลางานหนึ่งวัน ออกเดินทางตั้งแต่วันพฤหัสบดี ที่สะดวกคือวันเสาร์วันอาทิตย์นี่แหละ ครั้นจะคัดค้านแม่ก็เกรงว่าจะทำให้ท่านไม่สบายใจ คนแก่หากไม่พอใจมักจะเก็บไว้นานกว่าคนหนุ่มสาว แม้จะเป็นความทุกข์ของเรา แต่เป็นความสุขของแม่ ก็ต้องยอม คิดถึงการทำหน้าที่ของลูกที่ช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ของแม่ ดังข้อความที่ปรากฎในมหาเวสสันตรชาดก ขุททกนิกาย ชาดก (28/1259) ความว่า
“ขึ้นชื่อวาบุตร ควรช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ของมารดาบิดาและพี่น้องที่เกิดขึ้น เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ด้วยชีวิตของตน”
แปลมาจากภาษาบาลีว่า
เยนเกนจิ วณฺเณน ปิตุ ทุกฺขํ อุทพฺพเห
มาตุยา ภคินิยาปิ อปิ ปาเณหิ อตฺตโน ฯ
สิ่งไหนที่ทำให้แม่ไม่ทุกข์ใจ สิ่งไหนที่ทำให้แม่สบายใจ สิ่งไหนที่ทำให้แม่มีความสุข เป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งของลูกที่ควรทำ ในช่วงชีวิตนี้อาจจะเรียกใครหลายคนวา “แม่” แต่แม่ผู้ที่ให้กำเนิดมีเพียงคนเดียว และเป็นคนเดียวที่พร้อมจะยอมเธอทุกอย่าง
วันแม่ปีนี้ไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัด เพราะสถานการณ์การระบาดโควิดยังรุนแรงอยู่ ก็ได้แต่โทรศัพท์พูดคุย พบกันทางอากาศ ขอให้แม่สุขภาพแข็งแรง มีเวลาอยู่เพื่อทำความดี สั่งสมบุญกุศลให้พร้อมในการเดินทางสู่ภพภูมิต่อไป แม่เคยพูดอยู่เสมอว่า “อยู่เพื่อทำความดี” ทำได้ทุกเวลาที่มีโอกาส จะอยู่กี่ปีก็ไม่เป็นไร
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
12/09/64
โพสต์ที่ cybervanaram.net